วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Special CL_16 รู้มั้ยว่าฉันคือใคร

Special CL_16 รู้มั้ยว่าฉันคือใคร



            ในเวลาเที่ยงวันของวันทำงานมักจะทำให้ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งดูเงียบเหงาอยู่ไม่น้อย ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก และออกจะเป็นเรื่องปกติเสียด้วยซ้ำสำหรับห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งกลางใจเมือง ห้างดังที่ขึ้นชื่อเรื่องความหรูหรา ที่มีสินค้าทั้งแบรนด์นอกแบรนด์เกาหลีที่ล้วนถูกคัดเกรดมาแล้วว่ามีระดับและน่าจะดึงดูดใจลูกค้ากระเป๋าหนักทั้งหลาย

            จากที่กล่าวมานี้ก็พอจะทำให้คาดเดาได้ว่าห้างสรรพสินค้าแห่งนี้มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเหล่าผู้มีอันจะกินที่วันๆ มีเงินหมุนเวียนในกระเป๋าหลักหลายล้านไปจนถึงหลายพันล้านวอน ดังนั้นในเวลาเที่ยงวันเช่นนี้ยิ่งทำให้ห้างดังดูเงียบสงบและให้ความเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบเพียงคนรวย หรือคน แสร้ง รวยที่แต่งกายให้ทัดเทียมคนอื่น

            แต่เหมือนว่าทฤษฎีห้างนี้มีแต่คนรวยจะตกไปเมื่อ...

            “ทราบแล้วฮะคุณแม่ ได้ฮะ งั้นให้ด๊องรอที่ไหนหรือฮะ...” ในเวลานี้ คนสวยหน้าหวานนามลีดงแฮกำลังเดินเข้ามาในตัวอาคารแบบไม่สนใจใครสักเท่าไหร่ มือเรียวก็มีโทรศัพท์เครื่องเล็กแนบกับหูตัวเอง รอยยิ้มหวานปรากฏชัดเจนเมื่อได้ยินเสียงสนทนาจากปลายสาย

            “แม่อาจจะติดธุระอีกสักพักน่ะหนูดงแฮ เอาไว้ถ้าแม่เสร็จธุระแล้วโทรหาดีกว่าว่าหนูอยู่ไหน ระหว่างนี้เดินเที่ยวรอแม่ก่อนได้มั้ยจ๊ะ” มารดาคนสวยของคิมคิบอมบอกอย่างเอื้อเอ็นดูที่ว่าที่สะใภ้คนสวยรับคำเสียงใส

            “ได้ฮะ งั้นด๊องเดินเล่นรอคุณแม่แล้วกันฮะ จัดการธุระตามสบายเลย ไม่ต้องรีบนะฮะ วันนี้ด๊องมีเวลาให้คุณแม่ทั้งวันเลย” ดงแฮบอกเสียงเจื้อยแจ้วให้คนฟังหลุดหัวเราะเบาๆ

            “แม่ไม่ให้หนูรอทั้งวันหรอกนะลูก งั้นเดี๋ยวแม่โทรหาอีกทีนะ” คุณนายคิมว่าเสียงเจือความขบขัน ให้คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงัก รับคำก่อนที่สายจะถูกตัดไป

            คราวนี้ พอวางสายได้แล้ว ดวงตากลมโตก็มองไปรอบๆ ริมฝากสีระเรื่อก็ปรากฏรอยยิ้มบางๆ

            “อืม ไปไหนดีนะ ถ้าไปหาอะไรทานเล่นแล้วอิ่มแล้วคุณแม่ยังไม่ได้ทานก็ไม่ดี อืม...รอดีกว่ามั้ง” ดงแฮพึมพำกับตัวเอง พลางจิ้มแก้มไปด้วย นึกถึงสาเหตุที่เขาต้องมาอยู่กลางห้างดังคนเดียว ซึ่งเกิดขึ้นเพราะว่าคุณแม่คนสวยของพี่คิบอมโทรมาบอกว่ามีธุระที่ต้องทำละแวกนี้พอดี เลยชวนเขาให้ออกมาด้วยกัน แล้วจะได้เลยไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่ด้วยทีเดียว ซึ่งแน่ล่ะว่าผู้ใหญ่ขอมามีหรือที่ดงแฮจะปฏิเสธ ได้แต่ตอบตกลงอย่างน่ารักเสียมากกว่า

            แต่ดงแฮอาจจะลืมนึกไปว่า...ตัวเองแต่งตัวสบายๆ เกินไปสักนิด

            เวลานี้ คนสวยเจ้าของหัวใจผู้บริหารใหญ่แห่งคิมกรุ๊ปอยู่ในชุดกางเกงสามส่วนที่ยาวเลยเข่ามานิดเดียว ด้านบนเป็นเสื้อยืดสีเหลืองสดใส สะพายเป้สีน้ำตาลเข้มอีกใบก็ทำให้คนสวยคนนี้แลดูเหมือนเด็กอยู่ไม่น้อย แม้จะสวยน่ารัก แต่มันก็ดู...สบ้ายสบายเกินไป

          ก็คุณแม่บอกว่ามาทานอาหารง่ายๆ แล้วเข้าบ้านนี่นะ

            ดงแฮคิดด้วยรอยยิ้มหวานๆ ไม่ได้สนใจหรอกว่าใครจะมองเขายังไง (หรืออีกนัยคือไม่รู้เรื่อง) ขาเรียวก็เริ่มก้าวเดินเล่นฆ่าเวลา ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยกับการที่หลายคนหันมามองด้วยสายตาที่หลากหลาย

            ดวงตาคู่สวยก็กวาดมองไปทั่ว เห็นสินค้าแบรนด์ดังมากมายที่จัดวางอย่างสวยงาม ขาเรียวก้าวไปหยุดดูอย่างสนใจเพียงนิด แล้วก็ก้าวต่อไปอย่างที่คนอื่นคาดเดาว่าคนสวยหน้าตาดีแต่แต่งตัว...อืม...กระจอกไปหน่อยคงไม่มีปัญญาซื้อ หารู้มั้ยว่าในกระเป๋าเป้ของดงแฮมีการ์ดหลายใบที่สามารถซื้อเหมาสินค้าทุกร้านเลยด้วยซ้ำ

            แต่เจ้าตัวก็คงไม่รู้หรอกว่าว่าที่สามีรูปหล่อให้อะไรมา...เพราะใช้แค่ครั้งเดียว...ซื้อของจากซุปเปอร์มาร์เก็ตให้คุณแม่ซอนแฮ แถมยังเป็นซอสขวดเล็กๆ ขวดเดียวเสียด้วย

            แน่ล่ะ ในเมื่อลีดงแฮไม่เคยร้องขออะไร มีแต่คิมคิบอมที่อยากมอบให้ทุกอย่างเสียมากกว่า

            ดงแฮคงคิดอะไรเพลินๆ ดูอะไรไปเรื่อยๆ จนคุณแม่โทรหา แต่ทว่าขาเรียวกลับมายืนอยู่หน้าร้านกระเป๋าชื่อดังก้องโลกที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จัก ดวงตากลมโตมองกระเป๋าที่จัดวางอยู่หน้าชั้น ก่อนที่จะนึกไปถึงเพื่อนสนิทคนสวย...ควอนยูริ

            “เอ เหมือนยูริจะบอกว่าชอบกระเป๋าร้านนี้...หรือเปล่า จำไม่ได้แฮะ แต่เดี๋ยวก็จะถึงวันเกิดแล้ว...” คนหน้าหวานเอียงคอจิ้มแก้มอยู่หน้าร้านแบบนั้น ท่าทางที่เหมือนคนอยากได้ แต่หารู้ไม่ว่าเจ้าตัวกำลังพยายามครุ่นคิดถึงของขวัญวันเกิดให้เพื่อนสนิทเท่านั้นเอง

            “งั้นก็กระเป๋าแล้วกันเนอะ” ดงแฮพยักหน้ากับตัวเองเป็นอย่างสุดท้าย ก่อนที่จะยิ้มหวาน ขาเรียวก็ก้าวเข้าไปในร้านที่พนักงานเปิดประตูให้อย่างนอบน้อม ทั้งที่ดวงตาของพนักงานหนุ่มจ้องมองร่างบอบบางตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาดูแคลน

            “ขอบคุณฮะ” และเป็นสายตาที่ลีดงแฮไม่เห็นอีกเช่นเคย ทั้งยังเอ่ยขอบคุณเสียงใส ขาเรียวก็ก้าวเข้าไปใกล้ชั้นสินค้าทั้งที่ยังจมอยู่กับความคิดตัวเองว่าเพื่อนสนิทชอบกระเป๋าแบบไหน สีอะไร แล้วเขาจะซื้อได้ถูกใจเพื่อนหรือเปล่า

            และเหมือนว่าลูกค้าที่ดูเหมือนเด็กกะโปโลเสียมากกว่าคนที่มีปัญญาซื้อกระเป๋าใบละหลายล้านวอนได้ ทำให้พนักงานสาวตรงปรี่เข้ามาทันทีอย่างเกรงว่าลูกค้าคนนี้จะทำให้สินค้าเสียหาย ทั้งยังมองดงแฮตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบเดียวกับคนเปิดประตู

          เอ ใบนี้สวยดีเนอะ สีขาวด้วย

            แต่เหมือนดงแฮจะไม่รู้ตัว (อีกแล้ว) ทั้งยังคิดในใจอย่างไม่ได้รับรู้สถานการณ์แวดล้อมเลยสักนิด

            หมับ

            “จับไม่ได้ค่ะ” และก่อนที่มือเรียวจะเอื้อมไปด้านหน้าเพื่อหมายจะแตะกระเป๋าใบสวยดูสักหน่อย ข้อมือเล็กก็ถูกพนักงานสาวจับเอาไว้มั่น เสียงที่เอ่ยบอกก็ติดจะแข็งทื่อผิดกับผู้ที่ทำงานให้บริการเช่นนี้ แต่มีหรือที่ดงแฮจะรู้เรื่อง นอกจากหันมาเอียงคอทำตาใส แล้วถามซื่อๆ

            “จับไม่ได้หรือฮะ”

            “ไม่ค่ะ ถ้าสินค้าเสียหาย คุณมีปัญญาจ่ายคืนหรือเปล่า” หญิงสาวบอกอย่างติดจะดูถูกอยู่ไม่น้อย ทั้งยังมองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า มีการส่ายหน้าเมื่อกระเป๋าเป้ที่ร่างเล็กสะพายอยู่ก็เป็นเพียงกระเป๋าสีน้ำตาลซีดๆ ที่หาซื้อได้จากท้องถนนทั่วไป อย่างที่ฟันธงได้เลยว่าไม่มีปัญญาจ่ายค่ากระเป๋าใบละสิบสองล้านวอนที่คิดจะแตะต้องแน่ๆ

            แต่หญิงสาวคงผงะถ้ารู้ว่าคนที่เธอดูถูก...เป็นใคร

            “งั้นหรือฮะ อืม ห้ามจับสินะ เข้าใจแล้วฮะ งั้นผมขอเดินดูรอบๆ นะฮะ” ดงแฮพยักหน้ากับตัวเองช้าๆ ก่อนที่จะแย้มยิ้มหวานน่ารักที่ละลายใจคุณพนักงานอยู่ไม่น้อย ไม่ได้สนใจประโยคหลังเลยสักนิดว่ามีปัญญาจ่ายมั้ย...ก็พี่คิบอมบอกว่าบัตรที่ให้มาจะซื้ออะไรก็ได้นี่นา ถ้าเงินด๊องไม่พอ เอาไว้ค่อยใช้คืนพี่คิบอมทีหลังก็ได้...ล่ะมั้ง

            คนน่ารักคิดในใจด้วยรอยยิ้มหวานๆ เมื่อนึกถึงคนรักตัวโต ไม่ได้สัมผัสเลยว่าพนักงานในร้านกำลังไล่อ้อมๆ อยู่ เจ้าตัวก็ขยับไปดูกระเป๋าแต่ละใบอย่างไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ทำเอาคนไล่ถึงกับหน้าแดงก่ำอย่างไม่รู้จะพูดยังไงดี

          เด็กนี่มันโง่หรือซื่อเนี่ย!

            การกระทำที่ดงแฮก็ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังมีสายตาไม่พอใจจากลูกค้าสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก

          เกลียดจริงๆ เวลาต้องเดินอยู่ใกล้กับคนพวกนี้!!!

            จากนั้น คนหน้าหวานก็เดินดูกระเป๋าแต่ละใบพลางนึกถึงเพื่อนสาวว่าจะชอบแบบไหน ในเมื่อเขาก็เห็นว่ายูริถือกระเป๋าแทบไม่ซ้ำแต่ละวันนี่นา (ของบรรณาการทั้งนั้น) ความคิดของคนสวยที่คิดจะโทรหาแฟนของเพื่อนอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเจอกระเป๋าใบหนึ่งที่เหมือนคุ้นๆ ว่าเพื่อนเคยชี้ให้ดู

            พลั่ก

            “อี๋!!! นี่นายมาชนฉันทำไมเนี่ย เชื้อโรคติดหรือเปล่าก็ไม่รู้”

            ขณะที่ดงแฮก้าวตรงเข้าไปดู แรงกระแทกเบาๆ ที่เกิดขึ้นตรงแขนก็ทำให้ร่างเล็กชะงัก แต่ยังไม่ทันได้มองหน้าคู่กรณี เสียงแหลมก็หวีดร้องออกมา ทั้งยังปัดแขนตัวเองแรงๆ เหมือนรังเกียจเสียมากมาย ให้คนน่ารักหันไปมองอย่างสงสัย

            ภาพของหญิงสาวหุ่นดีในชุดรัดรูปหนีบกระเป๋าแบรนด์หรูกำลังเหยียดสายตามองทำเอาดงแฮมองอย่างเป็นห่วง

            “อ่า เป็นอะไรหรือเปล่าฮะ” เสียงหวานถามอย่างเป็นห่วง ที่อีกฝ่ายหน้าตึง ไม่อยากจะสนทนากับคนแบบนี้สักเท่าไหร่ ในเมื่อเธอน่ะเห็นตั้งแต่เด็กนี่ก้าวเข้ามาในร้านแล้ว บอกตามตรงว่าเกลียดขี้หน้าตั้งแต่เห็นการแต่งตัว ทั้งที่เธอชื่นชอบห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เพราะความมีระดับแท้ๆ...แต่เจออย่างนี้บอกตรงๆ ว่ารับไม่ได้

            “ไม่! นี่ชนฉันแล้วขอโทษสักคำน่ะมีมั้ย ฮึ พวกกระจอก...” หญิงสาวบอกอย่างไม่พอใจ ทั้งที่ว่ากันตามตรงแล้วคนผิดน่าจะเป็นเธอที่ก้าวพรวดๆ มาทางเดียวกันเสียมากกว่า

            ท่าทางของคนทั้งสองที่พนักงานสาวรีบตรงปรี่เข้ามาแล้วเอ่ยกับอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม

            “คุณหนูปาร์คเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” คำถามที่หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น แล้วตวัดสายตามามองดงแฮทันที

            “ไม่เห็นหรือไงว่าไอ้เด็กบ้านี่มันชนฉันน่ะ!

            “นี่คุณ รีบขอโทษสิ ไม่เห็นหรือว่าคุณน่ะผิดเต็มๆ” พนักงานสาวเข้าข้างหญิงสาวคนสวยอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้ดงแฮขมวดคิ้วน้อยๆ แล้วถามอย่างไม่แน่ใจ

            “ผมผิดหรือฮะ ก็คุณคนนี้เขามาชนผมนี่นา...”

          อ่า สงสัยเราผิดล่ะมั้ง

            “นี่!!! จะบอกว่าเป็นความผิดของฉันงั้นหรือ รู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร!” ทันทีที่ดงแฮบอกตามที่ตัวเองเห็นทั้งยังยิ้มให้อีกฝ่ายน้อยๆ ทำท่าจะโค้งขอโทษเมื่อเห็นว่าอาจจะเป็นความผิดตัวเอง แต่หญิงสาวตรงหน้ากลับหวีดร้องออกมาเสียงดังลั่น เข้าใจไปก่อนว่าอีกฝ่ายโยนความผิดเป็นของเธอ

            คำถามที่ดงแฮเอียงคอน้อยๆ

          เอ ทำไมใครๆ ชอบถามคำถามนี้กันจังเลยนะ...

            “อ่า ผมไม่รู้หรอกฮะ ในเมื่อคุณไม่รู้ว่าตัวเองคือใคร แล้วผมจะรู้ได้ยังไงล่ะฮะ” ดงแฮตอบกลับอย่างงงๆ ทั้งยังใช้ดวงตากลมใสแจ๋วมองอย่างไม่มีเจตนาว่าร้ายสักนิด อีกทั้งเขาสงสัยมานานแล้วว่าทำไมใครๆ ชอบถามคำถามนี้กันจังเลย

          ในเมื่อตัวเองไม่รู้ แล้วถามไปคนอื่นจะตอบได้ยังไง...เนอะ

            แต่เท่านั้นแหละ...

            “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ไอ้บ้า!!!



            คุณหนูปาร์คกรีดร้องดังลั่นด้วยความโมโห ดวงตาโฉบเฉี่ยวเบิกกว้างมองเด็กกะโปโลตรงหน้าที่กำลังกวนประสาท (?) เธออยู่ มือทั้งสองข้างกำกันแน่นจนเล็บสีสดแทบจะจิกลงกับฝ่ามือเรียว ในเมื่อชีวิตนี้ทั้งชีวิตยังไม่เคยเจอใครกล้าที่จะโต้ตอบเธอแบบนี้มาก่อน

          ไอ้บ้านี่ไม่รู้จริงๆ หรือว่าเธอคือใคร เธอเป็นถึงคุณหนูปาร์คเฮชินที่ได้รับเลือกให้เดินแบบการกุศลงานใหญ่ของปีเลยเชียวนะ!

            “งือ แสบแก้วหูจังเลย” ต่างจากดงแฮลิบลับที่ไม่ได้รับรู้ถึงความโมโหแทบบ้าของหญิงสาว มือเรียวก็รีบยกขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง มีเพียงดวงตากลมโตที่กระพริบปริบๆ มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้

            “กรี๊ดมากๆ ระวังหลอดลมอักเสบนะฮะ ถ้าเป็นอย่างนั้น แค่พูดเสียงดังยังเจ็บคอเลยรู้มั้ยฮะ” พอเฮชินหยุดเสียงกรี๊ด ดงแฮก็แนะนำเสียงใส ทั้งยังยกยิ้มหวานมาให้อีกฝ่ายจนทำให้คนฟังแทบจะกระทืบเท้าเร่าๆ ด้วยความโมโห

            “นี่แก!!! กล้าดียังไง แกไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร...ฉันคือปาร์คเฮชินที่จะได้เดินแบบการกุศลที่ตระกูลคิมเป็นแม่งานใหญ่ในอีกสองเดือนข้างหน้านะ!!!” หญิงสาวหวีดร้องเสียงดังลั่น ให้พนักงานคนอื่นพากันหัวหด ในเมื่อรับรู้กิตติศักดิ์ความเอาแต่ใจของลูกค้าสาวคนนี้ดี อีกทั้งคนๆ นี้ยังได้รับเลือกจากคุณนายใหญ่แห่งตระกูลคิมสำหรับงานใหญ่ประจำปีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ไม่ต้องเป็นแม่หมอทำนาย ก็ย่อมรู้ดีว่าทุกคนในร้านเลือกจะเข้าข้างใคร

            ระหว่างคุณหนูตระกูลดังกับเด็กหนุ่มท่าทางไม่มีเงิน ผลมันออกมาเห็นๆ

            “คุณหนูปาร์คใจเย็นๆ นะครับ นี่นายน่ะรีบขอโทษคุณหนูปาร์คเดี๋ยวนี้เลยนะ!” พนักงานเปิดประตูตรงหน้าร้านรีบก้าวเข้ามาชิดร่างบอบบางของเฮชิน แล้วหันขวับไปเอ่ยกับดงแฮด้วยน้ำเสียงคล้ายตวาด ให้คนตัวเล็กมุ่ยหน้าเข้าหากันนิด ขณะที่ปาร์คเฮชินเชิดหน้าขึ้นสูงด้วยท่าทางที่เหนือกว่า

            คนที่นี่ดูไม่เป็นมิตรเลยแฮะ (เพิ่งจะรู้ตัว)

            “เอางั้นก็ได้ฮะ งั้นขอโทษฮะคุณปาร์ค...เอ่อ คุณชื่ออะไรนะฮะ” ดงแฮเอ่ยอย่างว่าง่าย ก่อนที่จะชะงักไปนิด เมื่อเผลอลืมชื่ออีกฝ่ายไปเสียแล้ว จนคนที่อารมณ์เย็นลงมานิดปรี๊ดแตกขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าสวยถึงหันขวับมามองอย่างโกรธจัด

          “ปาร์คเฮชิน!!!

            “ง่า ทำไมต้องตะโกนด้วยฮะ อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง งั้นขอโทษฮะคุณปาร์คเฮชิน” ดงแฮทำหน้าแหยๆ เมื่อเจอตวาดใส่เต็มหน้า แต่เหมือนคำพูดซื่อๆ แบบไม่มีพิษมีภัยของร่างบางจะทำเอาคนฟังยิ่งเดือดจัด ดวงตาวาวโรจน์ประดุจเฮร่าเวอร์ชั่นอาละวาด ท่าทางไม่ดีที่ทำให้พนักงานในร้านรีบเอ่ยปากขึ้นมาก่อน

            “คุณหนูใจเย็นๆ นะคะ ส่วนคุณน่ะทางเราต้องเชิญออกจากร้าน ถ้าเข้ามาทำความวุ่นวายให้ขนาดนี้” ความวุ่นวายที่เหมือนดงแฮจะไม่ได้ก่อ แต่รับไปเต็มๆ ทำเอาคนหน้าหวานเอียงคอน้อยๆ อย่างไม่เข้าใจ ยังสงสัยว่าตัวเองทำอะไรไป ก็แค่เข้ามาจะซื้อกระเป๋า ถูกชน เอ่ยขอโทษ...แล้วเขาทำความวุ่นวายตรงไหนล่ะ?

            แต่ก็ตามประสาลีดงแฮ เมื่อเขาเชิญ เจ้าตัวก็แค่ยิ้มหวานรับ แล้วผงกหัวเสียสองสามที

            “เอางั้นก็ได้ฮะ” ว่าจบ ดงแฮก็หมุนตัวจะก้าวออกจากร้าน พลางคิดในใจว่าไปหากระเป๋าร้านอื่นก็ได้ แต่เหมือนการที่ได้ก้าวจากไปง่ายๆ ของดงแฮจะทำให้คุณหนูคนสวยไม่พอใจเท่าไหร่

            หมับ

            “นี่ ใครอนุญาตให้นายออกไปได้ห้ะ” เฮชินว่าเสียงแหลม ทั้งยังจับต้นแขนของดงแฮเอาไว้มั่น บีบจนเล็บสีสดจิกเข้าไปในผิวเนื้อขาว จนคนหน้าหวานนิ่วหน้าน้อยๆ

            “ก็พี่สาวคนนี้บอกให้ออกไปนี่ฮะ”

            “แต่ฉันไม่อนุญาต ถ้านายคิดจะก้าวออกจากร้านนี้ นายต้องคุกเข่าขอโทษฉันกับเรื่องที่เกิดขึ้น!!!

            “...”

            สิ้นคำของผู้หญิงเอาแต่ใจ ทั่วทั้งร้านก็เงียบกริบ เมื่อพนักงานทุกคนตกใจไม่น้อยกับคำประกาศกร้าว แต่ก็ไม่มีใครคิดก้าวเข้ามาช่วยจนติดร่างแหความซวยแน่ๆ ผิดกับดงแฮที่เงียบเพราะ...ความงง

            อาการนิ่งเงียบที่เฮชินเหยียดยิ้มอย่างสะใจ มั่นใจว่ายังไงไอ้บ้านี่ก็ต้องคุกเข่าขอโทษเธอแน่ๆ...

          “นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ!!!

            ขวับ

            แต่แล้ว คนทั้งร้านก็ต้องหันขวับไปมองยังด้านหน้าประตู เมื่อเสียงมีอำนาจของใครคนหนึ่งดังก้องเข้ามาอย่างที่ไม่ได้สังเกตตั้งแต่ต้นว่าคนๆ นี้มายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เพียงหันไป พนักงานที่อาจจะจำหญิงวัยกลางคนที่แต่งกายเนี๊ยบและสวยสง่าตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่ได้ แต่ย่อมจำชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดสูทตัวหรูที่ยืนอยู่ด้านหลังได้

            ในเมื่อนั่นคือลูกชายเจ้าของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้...คุณคังอิน

            แต่แม้ว่าใครจะจำมารดาของคิมคิบอมไม่ได้ แต่ปาร์คเฮชินถึงกับเผลอปล่อยมือจากดงแฮในทันที เมื่อผู้หญิงที่ถือว่ามีอำนาจที่สุดในเกาหลีปรากฏกายอยู่ตรงหน้าเธอ

          “คุณแม่ พี่คังอิน...”

            “!!!

            ทันทีที่ดงแฮร้องเรียกคนมาใหม่ คนที่กำลังตกตะลึงกับการปรากฏตัวของคนทั้งสองที่มีชายในสูทสีดำอีกสองคนก้าวตามมาด้านหลังก็อ้าปากค้าง ยิ่งเมื่อร่างบอบบางขยับไปกอดคุณแม่คนสวยของพี่คิบอมเอาไว้ แล้วช้อนตาขึ้นมองคังอิน จนชายหนุ่มวางมือลงบนกลุ่มผมนุ่มด้วยท่าทางสนิทสนม

            ก่อนจะตวัดสายตาวาวโรจน์มามองคนในร้าน

            “ดงแฮ คนของพี่ทำอะไรเธอหรือเปล่า” คังอินถามเสียงเข้มที่บ่งบอกว่าไม่พอใจตามประสาคนที่ความอดทนต่ำ พลางจ้องมองพนักงานในร้านที่พากันหลบสายตาวูบ เนื้อตัวสั่นสะท้านขึ้นมาทันทีเมื่อสถานการณ์กำลังจะเปลี่ยนไปอีกทิศทางหนึ่ง แม้จะยังไม่รู้ว่าเด็กกะโปโลนี่คือใคร แต่ก็รู้จักกับผู้บริหารใหญ่ที่พร้อมจะดีดพวกเขาออกจากงานเพียงแค่คำสั่งเดียว

            “เปล่าฮะ...”

            ทุกคนแทบจะถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมเพรียงกัน ถ้าไม่ใช่เพราะ...

            “...พวกเขาแค่เชิญให้ด๊องออกจากร้านฮะพี่คังอิน เพราะว่าด๊องทำให้ร้านเขาวุ่นวาย ทั้งที่ด๊องยังไม่ได้ทำอะไรเลย” ดงแฮเล่าให้ฟังเสียงใสที่ทำให้คนฟังยิ่งตาวาววับ ในเมื่อดงแฮก็ถือเป็นน้องรักเขาคนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นคนรักของเพื่อนสนิท นี่เขาได้ยินยังโมโหขนาดนี้ อย่านึกถึงความโกรธของคิมคิบอมเลย

            “ใครเป็นคนไล่น้องฉันออกจากระ...”

            “คังอิน” ก่อนที่คังอินจะหันไปตวาดใส่ลูกน้อง คุณนายคิมก็แทรกขึ้นมา ใบหน้าสวยสง่าส่ายไปมาช้าๆ ให้ชายหนุ่มเงียบเสียงลง ใบหน้าที่มักจะมีรอยยิ้มแสนอ่อนโยนมอบให้แก่ดงแฮเสมอเรียบสนิทจนดูน่าหวาดหวั่น ยามที่ปรายตามองคนในร้านทุกคน แล้วหันมาหยุดที่ปาร์คเฮชิน

            จริงๆ แล้ววันนี้คุณนายคิมแวะมาหาบิดาของคังอินเพื่อพูดคุยเรื่องงานเล็กน้อย เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็ตั้งใจจะลงมาหาลูกสะใภ้คนโปรดตามที่ลูกน้องของพ่อลูกชายแสนเย็นชารายงานว่าตอนนี้ดงแฮอยู่ที่ไหน โดยมีคังอินตามมาส่งด้วย แต่เพียงได้ก้าวมายืนอยู่หน้าร้าน ภาพที่เธอไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดก็เกิดขึ้นตรงหน้า ภาพที่เธอเห็นตั้งแต่ต้นจนจบ...ลูกสะใภ้คนสวยที่ถูกรังแกอยู่ตรงนั้น และนั่น...ทำให้คุณนายคิมโมโหอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

          กล้าดียังไงถึงกล้าว่าหนูดงแฮแบบนี้

            ความโกรธที่เก็บเงียบอยู่ภายใต้ท่าทางราวนางพญาที่แสนเยือกเย็น โดยที่มือข้างหนึ่งก็ยังคงลูบแขนลูกสะใภ้คนสวยเบาๆ ราวกับปลอบขวัญ

            “เอ่อ...คุณ...”

            “เธอคือปาร์คเฮชินใช่มั้ย” ปาร์คเฮชินที่ก่อนหน้านี้ไม่ต่างจากเสือตัวเมียดุๆ ตอนนี้ก็ไม่ต่างจากลูกกวางดีๆ เมื่ออยู่ต่อหน้ามารดาของคิบอม แม้ใจจะหล่นวูบเมื่อเห็นท่าทีสนิทสนมของคนที่เธอดูถูกกับคุณนายคิม แต่ก็ยังพยายามส่งยิ้มหวานให้ ทั้งยังโค้งทักทายอย่างมีมารยาท

            แม้เด็กนี่จะรู้จักกับคนๆ นี้ แต่คนๆ นี้เป็นคนเลือกเธอให้รับงานใหญ่ที่จะจัดขึ้น มันหมายความว่าเธอมีดีพอให้เลือก...

            “ใช่ค่ะ...” หญิงสาวรับคำอย่างนอบน้อม แต่ทำให้คุณนายคิมเพียงยกยิ้มเย็น

            “ได้เจอกันสักที...ได้ยินว่าได้รับเลือกให้เดินแบบชุดฟินาเล่ของงาน...” คำที่ทำให้คนฟังเผลอขมวดคิ้วเข้าหากัน เมื่ออีกฝ่ายพูดคล้ายว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเลือกเธอเดินแบบครั้งนี้ แล้วหน้าก็ต้องชาวาบ เมื่อหญิงสวยสง่าตรงหน้าเอ่ยต่อ

            “เห็นที ฉันคงต้องตำหนิเลขาตัวเองว่าทำไมซุ่มเลือกเธอมาเดินแบบครั้งสำคัญนี้ คงต้องจัดประชุมเลือกนางแบบกันใหม่ทั้งหมด”

            “ไม่ได้นะ ก็คุณเป็นคนเลือก...”

            “ขอโทษทีเถอะนะหนูเฮชิน แต่ฉันไม่ได้เป็นคนเลือก แต่มี สิทธิ ถอดเธอออกจากงานครั้งนี้” เฮชินที่จะเอ่ยแย้งอย่างร้อนรน ทำให้มารดาคนสวยของคิมคิบอมยิ้มบาง แล้วเอ่ยอย่างใจเย็น แต่เด็ดขาดในที จนทำให้คนฟังเบิกตากว้าง อยากจะกรีดร้องออกมา แต่รู้ดีว่าถ้าเธอทำ ความหวังที่ริบหรี่ลงอาจจะดับแสงในวินาทีนี้

            ท่าทางนิ่งอึ้งของคุณหนูคนสวยที่คุณนายคิมเอ่ยต่อทันที

            “อ้อ เมื่อกี้หนูถามใช่มั้ยว่าตัวเองเป็นใคร งั้นฉันถามบ้างดีกว่าว่า...ผู้ชายคนนี้คือใคร...” คุณนายคิมถามเสียงเย็น ทว่าไม่ได้ถามเพียงคุณหนูปาร์ค แต่กวาดตามองคนทั้งร้านด้วยแววตาเย็นเยียบไม่ต่างจากลูกชายตัวเองสักเท่าไหร่ จนคนถูกมองพากันหลบสายตาวูบ

            แต่ยามที่คุณนายคิมหันกลับมามองลูกสะใภ้คนสวยที่กระพริบตาปริบๆ อย่างไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์เท่าไหร่ก็อ่อนโยนลงราวกับคนละคน

            “ว่าไงหืมหนูดงแฮของแม่ ไม่บอกพวกเขาหน่อยหรือว่าหนูคือใคร” คำถามที่ดงแฮแย้มยิ้มหวาน เมื่ออีกฝ่ายลูบผมเขาเบาๆ อย่างเอื้อเอ็นดู

            “ด๊องควรตอบว่าอะไรดีฮะ” คนตัวเล็กถามกลับอย่างไม่แน่ใจเท่าไหร่ เมื่อถามว่าเขาคือใคร เขาก็คือลีดงแฮนั่นแหละ แต่ว่าสิ่งที่ตามมาข้างหลังเนี่ยสิ พี่คิบอมก็บอกว่าเป็นเมียพี่คิบอม คุณแม่ก็บอกว่าเป็นลูกสะใภ้ของคุณแม่ แล้วยังเป็นลูกชายคนเดียวของแม่ซอนแฮและพ่อมุนฮวาด้วย

            คุณนายคิมถึงกับหลุดหัวเราะอย่างเอ็นดู แล้วหันกลับไปบอกอย่างชัดเจน แต่ทำให้คนฟังหน้าชาวาบ

            “งั้นฉันแนะนำให้รู้จัก...นี่ลีดงแฮ ว่าที่สะใภ้เพียงคนเดียวของตระกูลคิม และใช่ เป็นคนรักของคิมคิบอม

            “!!!” คำตอบที่ชัดเจนเหลือเกินจนพนักงานหลายคนหันขวับไปมองเด็กท่าทางจนๆ อย่างไม่เชื่อสายตาว่านี่คือคู่หมั้นของคิมคิบอม คนที่มีข่าวว่าเจ้าชายน้ำแข็งแห่งวงการธุรกิจหวงนักหวงหนาอย่างไม่ยอมให้ใครแตะต้องแม้ปลายนิ้ว แต่สิ่งที่พวกเขาทำเมื่อครู่...

            เอื้อก

            “คังอิน แม่ฝากจัดการที่เหลือด้วย ส่วนหนูเฮชิน เรื่องของหนูจะเข้าที่ประชุมวันพรุ่งนี้ ยินดีที่ได้เจอ...ทำให้ฉันตัดสินใจอะไรง่ายขึ้นเยอะ” ว่าจบ คุณนายคิมก็จูงมือลูกสะใภ้คนสวยพาก้าวออกจากร้าน หลังจากเอ่ยประโยคกรีดหน้าปาร์คเฮชินเสียจนเด็กรุ่นลูกเข้าใจในทันที...เธอสร้างศัตรูให้กับตัวเอง...เผลอๆ คนในครอบครัวอีกด้วย

            และทำให้คนทั้งร้านได้รู้ว่า...อย่าตัดสินคนที่ภายนอกเด็ดขาด

........................................

            “ทำไมหนูไม่บอกไปล่ะลูกว่าหนูคือใคร”

            “ต้องบอกด้วยหรือฮะคุณแม่” ในขณะที่ทั้งสองสาวต่างวัยกำลังก้าวเข้ามายังร้านอาหารหรูหราแห่งหนึ่ง คุณนายคิมก็ถามลูกสะใภ้อย่างมีเมตตา ให้คนฟังแย้มยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ

            “ก็เขาไม่ถามด๊องนี่ฮะ อีกอย่าง ถ้าเขาถาม ด๊องก็คงตอบว่าชื่อลีดงแฮและก็...เป็นคนที่พี่คิบอมรักด้วยล่ะมั้งฮะ” คนหน้าหวานว่าเสียงใส เมื่อนึกถึงสิ่งที่พี่คิบอมบอกเอาไว้ตลอดเวลา

            คำตอบซื่อๆ ที่ทำให้คนฟังหลุดหัวเราะอย่างเอ็นดู ความกรุ่นโกรธก่อนหน้านี้บรรเทาเบาบางลงเพราะความสดใสของลูกสะใภ้คนสวย ปล่อยหน้าที่ที่เหลือเป็นของคังอินจะดีกว่า ทั้งที่หากใครถามเธอว่าเด็กหนุ่มน่ารักที่กำลังยิ้มสดใสให้เธอคือใคร เธอคงมีคำตอบแล้วว่า...

            ลีดงแฮคือคนที่...ครอบครองหัวใจของคิมคิบอมยังไงล่ะ


.........................................................

           


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น