วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557

NC Twin’s Trap Children_72

NC Twin’s Trap Children_72



            “คะ...คุณเฉินหย่ง...พะ...พอแล้วฮะ...พอแล้ว...อึ้ก...”

            ภายในห้องพักแสนหรูหรา ลีอึนแจกำลังร้องบอกเสียงเบาหวิว เนื้อตัวก็ขึ้นสีชมพูระเรื่อ ยามที่ร่างเปลือยเปล่าคร่อมทับหน้าตักของคนตัวโต ใบหน้าสวยเลอะไปด้วยหยาดน้ำตา เนื้อตัวร้อนผ่าวราวคนเป็นไข้ สองมือก็กำไหล่กว้างแน่น หลุบตาลงต่ำเพื่อมองภาพแสนน่าอายของตัวเอง

            เวลานี้ อึนแจกำลังนั่งแยกขาออกกว้างอยู่บนตักของหานกยองจา เนื้อตัวประดับไปด้วยรอยรักจนทั่ว ขณะที่แก่นกลางลำตัวกำลังโป่งพองด้วยแรงอารมณ์ ช่องทางด้านหลังกำลังดูดกลืนนิ้วยาวที่กดสอดเข้ามาจนสุด ทั้งยังกดย้ำเข้ามาหนักๆ จนร่างบอบบางกระตุกหลายต่อหลายครั้ง

            “พะ...พอแล้ว...ฮะ...มะ...อึ้ก...ไม่ไหว” นางแบบสาวบอกเสียงสั่นพร่า เมื่อนิ้วยาวกดย้ำเข้าหลายๆ ที ใบหน้าสวยก็เชิดขึ้น เกร็งตัวรับสัมผัสที่เสียดสีในร่างไม่มีหยุด

            หมับ

            เฮือก!

            “อ้ะ!...มะ...ไม่...ฮื่อ...อื้อ...คุณเฉินหย่ง...อื้อ...” แต่แล้ว ร่างบอบบางก็สะท้านเยือก เมื่อฝ่ามือแข็งแรงกำรอบแก่นกาย ปลายนิ้วกดคลึงที่ส่วนปริ่มน้ำไปมา จนคนได้รับบิดกายเร้า เรียวปากอ้าน้อยๆ ใช้ดวงตาฉ่ำน้ำสบกับดวงตาคมกริบที่ฉายชัดถึงความพอใจ

            “อึนแจ...มะ...ไม่ไหว...มากกว่านี้ต้อง...อื้อ...เสร็จแน่”

            เด็กน้อยบอกเสียงสั่นสะท้าน ให้คนตัวโตขยับมากดจูบที่แก้มชื้นเหงื่อเบาๆ แล้วซุกเข้าที่ลำคอขาวเนียน ปลายลิ้นก็ลิ้มรสผิวเนื้อชื้นเหงื่ออย่างที่ทำให้คนได้รับสั่นไปทั้งตัว

            “ไม่เป็นไร ปล่อยออกมาเถอะ” คำที่ทำให้ร่างน้อยส่ายหน้าเร็วๆ ยามที่กอดรอบลำคอแกร่ง แล้วซุกหน้าเข้าหา

            “มะ...ไม่เอาฮะ...แฮก..คุณเฉินหย่ง...อย่าทำให้อึนแจ...คนเดียว...อื้อ...สิฮะ...” อึนแจเองก็อยากให้คุณรู้สึกดีเหมือนที่อึนแจกำลังรู้สึกนะ

            แม้ว่านางแบบคนสวยจะเขินอายกับการกระทำในเวลานี้มากเพียงใด แต่เขาก็ไม่อยากให้ตัวเองสัมผัสกับความรู้สึกราวกับล่องลอยในความฝันอยู่คนเดียว สัมผัสของคุณเฉินหย่งทำให้เขาแทบละลาย เขาก็อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกแบบเดียวกัน

            แม้จะเป็นความคิดที่รู้ว่าไม่เข้าท่าก็ตาม

            คุณเฉินหย่งผ่านใครต่อใครมาก็มาก เขาย่อมรู้ดีกว่าอยู่แล้วว่าทำอะไรอยู่ แต่คนสวยบนตักก็ยังยืนยันคำเดิมด้วยการพูดคำที่น่าอายที่สุด

            “ขะ...เข้ามาเถอะฮะ อึนแจ...อื้อ..ไม่เป็นไร”

            กึก

            รอยยิ้มที่พยายามส่งมาให้ ไหนจะคำพูดแสนน่ารักที่คิดถึงเขา ทำให้ผู้ชายอย่างหานกยองจาถึงกับอึ้ง ดวงตาคู่คมก็ยิ่งวาวเข้มขึ้น จากที่ตั้งใจว่าจะค่อยๆ ป้อนสัมผัสนี้ให้ทีละน้อยๆ เห็นที ตอนนี้เขาเองนั่นแหละที่จะทนไม่ไหวกับความน่ารักของคนๆ นี้

          ผ่านใครมาก็มาก แต่เจอแค่คำพูดน่ารักๆ ทีเดียวก็มีอารมณ์ขนาดนี้ เป็นเอามากจริงๆ นะหานเฉินหย่ง

            ความคิดของชายหนุ่มที่รั้งร่างชื้นเหงื่อเข้ามาหา มือใหญ่ก็ดึงจากช่องทางอุ่นเบาๆ แล้วก็ดันกายเข้าไปเสียดสีกับช่องทางสีระเรื่อ จนคนได้รับสะดุ้งสุดตัว เปล่งเสียงครางในลำคอ ทั้งยังเกร็งจนเขารู้สึกได้

            “ลองเอาของผมเข้าไปดูสิ”

            “!!!” คนฟังได้แต่ชะงักค้าง เบิกตากว้าง ก่อนที่เลือดจะพากันมาเลี้ยงบนใบหน้า ให้คนมองยกมือมาแตะแก้มนิ่มเบาๆ

            “ไม่เป็นไร ลองดู”

            “อึนแจ...ไม่กล้า...” คำตอบที่ทำให้ชายหนุ่มเลื่อนมือลงไปจับกับมือเล็ก แล้วรั้งให้จับเข้าที่แก่นกลางลำตัวของเขา ความร้อนผ่าวทั้งยังแข็งขืนที่ทำให้คนจับสะดุ้งน้อยๆ ช้อนตามองสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความต้องการของผู้ชายตรงหน้า

          คุณเฉินหย่งต้องการเรา...ต้องการจน...เป็นแบบนี้

            ความคิดที่ทำให้ร่างน้อยสูดหายใจลึกๆ แล้วยกตัวขึ้น ให้ช่องทางคับแคบเสียดสีกับส่วนใหญ่โต ก่อนที่จะค่อยๆ กดร่างลงไปช้าๆ

            “อ้ะ...เฮือก...อื้อ...อ้ะ...มะ...”

            “ค่อยๆ เด็กดี ไม่ต้องรีบ” กยองจาปลอบด้วยเสียงที่พยายามให้นุ่มที่สุด ทั้งที่ตัวเขาเองก็ต้องการแทบบ้า ความอุ่นร้อนที่กำลังกลืนกินลูกชาย ทำให้ร่างสูงอยากจะดันกายเข้าไปแรงๆ แต่เขาต้องใจเย็น

            อึนแจยังไม่คุ้น และเขาไม่อยากให้เด็กคนนี้ต้องตกใจกลัว

            เสียงปลอบที่ทำให้ร่างบอบบางหลับตาแน่น ยามที่พยายามกดร่างลงมาเรื่อยๆ จนน้ำตาไหลอาบแก้ม

            “คุณเฉินหย่ง...ช่วย...อึ้ก...ช่วยอึนแจ...อ้ะ...แน่น...” เสียงครางพร่า ทั้งยังใบหน้าแสนสวยที่อ้อนวอนขอร้อง ทำให้ชายหนุ่มประคองเอวเอาไว้ ซุกหน้าเข้าหาแผ่นอกบอบบางเพื่อสัมผัสกับส่วนนุ่มนิ่มอย่างที่ทำให้คนได้รับผวามากอดรอบลำตัว ยามที่เนื้อตัวทั้งสองเป็นหนึ่งเดียวกัน

            ดวงตาประสานดวงตา ลมหายใจสอดประสาน ปลายนิ้วเกาะเกี่ยวเข้าหากัน ก่อนที่จะเป็นอึนแจที่ขยับเข้ามากดจูบที่ริมฝีปากได้รูปอย่างอ้อนวอนขอความเมตตา

            การกระทำที่ทำให้ชายหนุ่มยิ่งเร่งเร้าในกายเล็กเนิบนาบ หนักหน่วง สลับกันไปมาอย่างมีชั้นเชิงที่ทำให้คนได้รับแทบจะตายไปกับสัมผัสที่ถาโถมใส่

            “คุณเฉินหย่ง...อึนแจ...รัก...คุณ...อึ้ก...รักคุณ...”

            สวบๆๆ

            เฮือก!

            เสียงแว่วหวานที่ดังคลอเคลียริมหูทำให้คนฟังยิ่งกระหน่ำกายเข้าไปอย่างไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้

            เวลานี้เขาอยากครอบครองทุกอย่างของเด็กคนนี้ อยากเป็นเจ้าของทุกตารางผิวและหัวใจจนทนไม่ไหว

            ไม่นานเลยจริงๆ ที่อึนแจจะปลดปล่อยทุกหยาดหยดของความต้องการออกมาเต็มแผ่นท้องแกร่ง ให้ร่างสูงรวบเอวเล็กเอาไว้แน่น แล้วดันกายเข้าไปถี่แรง ท่ามกลางเสียงหอบหายใจที่ดังไปทั่วทั้งห้อง

          “คุณทำให้ผมไม่อยากปล่อยมือคุณไปไหน อึนแจ”

            และไม่ว่ากยองจาจะหมายความว่ายังไงก็ทำให้ลีอึนแจยิ้มได้เพราะความสุขอยู่ดี


..................................

วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2557

NC LL ตอนพิเศษ : มารน้อยๆ



NC LL ตอนพิเศษ : มารน้อยๆ



            “อ๊า...คะ...คุณคิบอม...อึ้ก...มะ...ไม่”

            บนเตียงนอนหลังใหญ่ ด้านหนึ่งของเตียงมีเด็กชายวัยสามขวบที่หลับพริ้มไม่รู้เรื่องรู้ราว ขณะที่อีกด้านหนึ่งลีดงแฮคนหน้าหวานกำลังเอาหน้าซุกเตียง แอ่นสะโพกไปด้านหลัง สองมือกำผ้าปูเตียงเอาไว้แน่น ดวงตาคู่สวยฉ่ำไปด้วยหยดน้ำใส เรียวปากพยายามเม้มเข้าหากันเพื่อกลั้นเสียงเต็มที่

            ขณะที่คิบอมกำลังนั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง สองมือกำลังแบะแก้มก้นขาวออกจากกัน ปลายลิ้นก็กำลังไล้เลียช่องทางสีสวย จนร่างบอบบางกระตุกหลายต่อหลายครั้ง

            ฟึ่บ

            “ชู่ว อยากให้ฮารุได้ยินหรือไง” คิบอมกระซิบเบาๆ ยามที่สอดนิ้วเข้าไปในปากของคนหน้าหวาน จนดงแฮใช้ปลายลิ้นเลียมันจนชุ่มโชกอย่างรู้งาน ทั้งที่ความร้อนชื้นที่กำลังตวัดเลียด้านหลังทำให้เขาแทบบ้า ยิ่งคุณคิบอมสอดลิ้นเข้ามาอีกหน่อย เขาก็ได้แต่ครวญครางในลำคอจนเกรงว่าเด็กชายจะได้ยิน

            “คะ...คุณคิบอม ทำในห้องน้ำ...แทน...อ้ะอ๊า...ได้มั้ย...”

            “เธอทนไหวหรือไง เป็นขนาดนี้แล้วนะ” คิบอมถามเสียงต่ำ ยามที่ดึงมือมาแตะช่องทางคับแคบที่กำลังกระตุกแรงๆ ทั้งยังฉ่ำเยิ้มด้วยแรงอารมณ์ แค่นี้เขาก็รู้แล้วว่าร่างกายของดงแฮกำลังต้องการสัมผัสของเขาแค่ไหน

            “ตะ...แต่...”

            สวบ

            “อ๊า!!! อื้อออออ!” ดงแฮซุกหน้าลงกับเตียงทันที เมื่อนิ้วชุ่มน้ำลายสอดเข้ามาภายใน แผ่นหลังบางก็แอ่นโค้งเหมือนคันศร สองมือขยุ้มผ้าปูเตียงเอาไว้แน่น ความต้องการยิ่งพุ่งพรวดขึ้น แล้วเพียงคุณคิบอมเริ่มขยับ เขาก็หอบหายใจแรงๆ น้ำตาหยดใสไหลอาบแก้ม พอๆ กับความฉ่ำเยิ้มด้านหลังที่ยิ่งดูดกลืนนิ้วทั้งสามด้วยจังหวะถี่ๆ

            “ละ...ลึกกว่านี้...อึ้ก...คุณคิบอม...ลึกอีก...” แล้วคนหน้าหวานก็ลืมเลือนเด็กชายไปทันใด ได้แต่บอกเสียงสั่นพร่า ตัวสั่นระริกอย่างที่ร่างกายไม่เคยพอใจเพียงแค่นิ้วมือ สำหรับเรือนร่างที่เรือนรู้กามารมณ์จากพญาซาตานมาแล้วทุกรูปแบบ

            เขาต้องการคุณคิบอม...ต้องการให้คุณคิบอมสอดกายเข้ามา

            ร่างกายแสนเย้ายวนที่ดึงดูดคิบอมไม่ต่างจากตอนที่เจอกันครั้งแรก ทำให้ชายหนุ่มเร่งปลายนิ้วแรงขึ้นอีกนิด มองคนที่บิดกายเร้าอยู่ตรงหน้า แล้วยกยิ้มมุมปาก

            จะให้หาว่าเด็กก็คงได้ แต่เขาก็นึกหมั่นเขี้ยวเมียของเขาที่เอาแต่สนใจหลานชายมากกว่าจนต้องมากลั่นแกล้งในเวลานี้

            เจ้าฮารุไม่มีทางได้รู้ว่าอีกมุมหนึ่งของเตียงเกิดอะไรขึ้น

            “ดงแฮ เดี๋ยวฮารุได้ยิน” เสียงเตือนที่ทำให้คนหน้าหวานกัดปากตัวเองแน่น ได้แต่ส่งเสียงอืออาในลำคอ ทั้งที่อยากจะเรียกร้องมากกว่านี้แต่ก็ทำไม่ได้ รับรู้ว่าคุณคิบอมกำลังกลั่นแกล้ง จนได้แต่หันใบหน้าแสนเร้าอารมณ์มามอง แล้วบอกเสียงสั่น

            “ใจ...ร้าย...อืม...คุณคิบอม...ใจร้าย...” คนฟังเพียงหัวเราะในลำคอ ดึงกางเกงนอนให้พ้นทาง แล้วคร่อมทับเรือนร่างขาวเนียนเปลือยเปล่า กดจูบบนหัวไหล่มน มืออีกข้างดึงเสื้อนอนของดงแฮที่ถอดขว้างทิ้งไว้ข้างเตียงส่งให้

            “กัดไว้ เธอคงไม่อยากให้หลานฉันตื่น” แม้ว่าตอนนี้น้ำตาจะกบตา แต่ดงแฮเห็นนะว่าคุณคิบอมกำลังสนุกกับการกลั่นแกล้งเขา หากแต่โต้แย้งไม่ได้ นอกจากกัดชายเสื้อเอาไว้แน่น มีเพียงดวงตาที่มองอย่างอ้อนวอนเล็กๆ

            แววตาที่ทำให้คนมองดึงนิ้วออกจากช่องทางสีสวย ยกมุมปากขึ้น แล้วแยกกลีบเนื้อสีชมพูระเรื่อออก เพื่อดุนดันความเป็นชายเข้าไป จนดงแฮขยุ้มผ้าปูเตียงมั่น ฟันกัดเสื้อนอนแน่น ใบหน้าหวานเชิดขึ้น ร่างทั้งร่างตอดรัดความร้อนผ่าวที่เสียดสีเข้ามา

            “ฮ้า...อึ้ก...อืม...”

            “พร้อมขนาดนี้เลยหรือดงแฮ” คิบอมบอกเสียงพร่า แบบที่คนฟังไม่กล้าหันมามอง ได้แต่ร้องครางในลำคอ ไม่อยากบอกออกไป แต่เขาตื่นตัวตั้งแต่คุณคิบอมบอกว่าอีกสิบห้านาทีจะมาจัดการแล้วล่ะ

            ท่าทางที่คิบอมไม่เอ่ยอะไรต่อ นอกจากขยับท่อนเนื้อภายในความอ่อนนุ่มที่ร้อนผ่าว เนิบนาบ...ร้อนแรง สลับกันอย่างมีชั้นเชิง ให้คนที่กำลังพยายามกลั้นเสียงบิดกายเร้าๆ เรือนกายขาวขึ้นสีชมพูระเรื่อไปทั้งตัว ทั้งยังชื้นด้วยเหงื่อจนวาววับกับแสงไฟดวงเล็กในห้อง

            สวบๆๆ

            เฮือก!

            “อึ้ก...อืม...ฮื่อ...ฮื่อ...”

            เวลานี้ เสียงที่ดังชัดเจนที่สุดคงเป็นเสียงท่อนเนื้อร้อนที่สอดเข้าไปในความอุ่นนุ่ม ความชื้นแฉะ ทั้งยังจังหวะรุนแรงยิ่งก่อให้เกิดเสียงน่าอายก้องไปทั่วห้อง บ้างก็มีเสียงครางของดงแฮที่พยายามกลั้นไว้สุดความสามารถดังลอดออกมา ผ้าปูเตียงยับย่น ความร้อนแรงโหมกระหน่ำกายของทั้งคู่อย่างที่ไม่มีใครอยากจะหยุดลง

            “ดงแฮ...” คิบอมโน้มตัวลงมาหา สองมือนวดคลึงหัวนมนิ่มแรงๆ จนดงแฮสั่นไปทั้งตัว มือใหญ่ก็ดึงเสื้อนอนของดงแฮอย่างเบามือ ให้คนหน้าหวานเอี้ยวคอมามอง บอกเสียงน่าสงสาร

            “จะ...มะ...ไม่ไหวแล้ว...ดงแฮจะ...ถึง...อืม...” คำที่ทำให้ชายหนุ่มประกบจูบลงบนปากเล็กๆ แบบที่เด็กน้อยก็โต้ตอบอย่างร้อนแรงพอกัน เรือนกายทั้งสองก็ขยับถี่รัว

            “เหมือนกัน...ฉันก็เหมือนกัน” คิบอมกระซิบบอก ก่อนที่จะโน้มตัวประกบจูบอีกครั้ง ให้ดงแฮไขว่คว้าอ้อมกอดเอาไว้ ยามที่ความร้อนแรงถาโถมเข้ามา แล้วเรือนร่างก็ต้องกระตุกแรงๆ เมื่อความร้อนจัดฉีดพ่นเข้ามาในร่าง พอๆ กับที่ตัวเองไปถึงจุดหมายปลายทาง

......................................

กลับไปอ่านต่อได้ที่

ขอบคุณค่า

วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Special CL_10 ผลลัพธ์ของงานปาร์ตี้

Special CL_10 ผลลัพธ์ของงานปาร์ตี้



            แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านหน้าต่างบานใสของดงแฮเข้ามาจนเห็นร่างของคนทั้งหกที่บางส่วนยังนอนหลับสนิทบนเตียงนอนหนานุ่ม ขณะที่บางคนก็ตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวพร้อมออกไปทำงานทั้งที่เพิ่งจะหลับไปเมื่อตอนตีสามตีสี่

            “เอาไงซิน จะปลุกยังไงล่ะเนี่ย” อีทึกเอ่ยปากถามเพื่อนสนิทที่กำลังหวีผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จนทำให้เจ้าหญิงคนสวยหันกลับไปมองภาพของเหล่ารุ่นน้องที่ยังไม่มีใครตื่นขึ้นมารับเช้าวันใหม่สักคน

            เวลานี้เตียงนอนหลังใหญ่มีเพียงดงแฮที่นอนขวางตามด้านกว้างของเตียงซุกอยู่กับหมอนใบนุ่ม ที่ว่างยับยู่เป็นของพวกเขาทั้งสองที่ลุกมาก่อนแล้ว ขณะที่ตรงพื้นข้างล่างมีที่นอนแบบเกาหลีวางชิดติดกันปรากฏร่างของฮยอกแจที่นอนมุมด้านหนึ่ง ถูกซองมินนอนกอดแขนเอาไว้ ขณะที่เรียวอุคก็กำลังนอนงึมงำๆ อะไรสักอย่างอยู่ในลำคอ

            ภาพของเหล่ารุ่นน้องที่ยังไม่ยอมตื่นทั้งที่พวกเขาตื่นมาสักพักแล้ว ทำให้สองรุ่นพี่อดจะหันมายิ้มให้กันไม่ได้

            “ปล่อยให้นอนไปเถอะ ยังไงวันนี้ก็วันหยุด เมื่อคืนกว่าจะนอนก็เกือบเช้า” ฮีชอลบอกด้วยรอยยิ้มบาง ยามที่หันไปคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าของตนที่มุมหนึ่ง เตรียมพร้อมออกไปเปิดร้านขนมก่อนที่จะสายกว่านี้

            “อืม พี่ซิน พี่ทึกกี้...” แต่ก่อนที่สองสาวพี่ใหญ่จะก้าวออกจากห้อง ฮยอกแจที่ได้ยินเสียงพูดคุยเบาๆ ก็ผงกหัวขึ้นมาด้วยสีหน้างัวเงียไม่น้อย ชุดนอนกี่เพ้าของตนแบะออกพอให้เห็นคอขาวๆ ที่ยังมีรอยแดงประปรายกระจายอยู่ เสียงใสก็ร้องเรียก

            “ฮ้าววว พี่จะไปไหนฮะ” ลูกเจี๊ยบตัวน้อยถามพลางแกะมือเพื่อนอย่างเบามือ แล้วผุดลุกขึ้นมานั่งมองด้วยท่าทางไม่ตื่นดี

            “พวกพี่ต้องไปเปิดร้านน่ะ เมื่อวานก็รีบปิดก่อน เดี๋ยวเสียลูกค้าหมด” อีทึกบอกด้วยรอยยิ้ม ขณะที่ขยับมาลูบเส้นผมนิ่มของคนที่ท่าทางจะตื่นแต่เช้าเป็นประจำอย่างเอ็นดู

            “นี่กี่โมงแล้วฮะ”

            “เจ็ดโมงเช้าเอง นอนต่อไปเถอะ เดี๋ยวพวกพี่ขอกลับก่อน” ฮีชอลบอกด้วยรอยยิ้ม แต่ทำให้คนฟังส่ายหน้าช้าๆ ยกยิ้มแห้งๆ เมื่อนึกถึงความผิดติดตัวเมื่อวานที่ทำเอาไว้

            “ให้นอนต่อก็ไม่หลับแล้วฮะ นอนไปผมต้องคิดตลอดแน่เลยว่าพี่ฮันจะโกรธมากแค่ไหน” ฮยอกแจว่าเบาๆ ขณะที่ยื่นแขนไปเขย่าเพื่อนปลาที่นอนอยู่บนเตียงจนคนหน้าหวานขยับตัวยุกยิกไปมานิดๆ ก่อนที่ใบหน้าเรียวจะโผล่มาจากตุ๊กตาตัวใหญ่ด้วยตาปรือๆ

            “พี่คิบอม...ด๊องตื่นสายหรือฮะ...” เสียงใสพึมพำเบาๆ อย่างคนไม่ตื่นดี ที่ทำเอาคนฟังยกยิ้มเอ็นดูขึ้นมาทันทีกับคนที่เพียงปลุกขึ้นมาก็ละเมอหาคนเย็นชาเสียแล้ว

            “พี่คิบอมที่ไหนล่ะ ดูดีๆ สิด๊อง” ฮยอกแจบอกพลางขยับไปนั่งอยู่บนเตียงอีกคน ให้คนตาปรือลืมตาขึ้นมาเต็มที่ นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนทำอะไรมา

            ภาพที่ทำให้ดงแฮยิ้มหวาน แล้วร้องบอกอย่างน่ารัก

            “อรุณสวัสดิ์ฮะ พี่ซิน พี่ทึกกี้ แต่ขอด๊องนอนต่ออีกหน่อยนะ ง่วงจังเลยอ่ะ” ว่าแล้ว คนน่ารักก็ทำท่าจะมุดผ้าห่มต่อ จนฮยอกแจต้องดึงแขนเอาไว้สุดความสามารถ ก็มันเรื่องอะไรให้เขาตื่นมานั่งเครียดคนเดียวตอนพี่ๆ กำลังจะกลับล่ะ

            ฟึ่บ

            “ไอ้พี่เย่ เงียบหน่อยได้มั้ยห้ะ คนจะนอน! อ้าว” แต่เหมือนว่าเสียงพูดคุยกันเบาๆ นี้จะทำให้เรียวอุคที่นอนอยู่ด้านหนึ่งลุกพรวดขึ้นมานั่งบ้าง ดวงตาคู่สวยก็ดูขุ่นนิดๆ ก่อนจะร้องออกมาเมื่อภาพที่เห็นไม่ใช่ซาลาเปาแก้มป่องที่เพิ่งเล่นเกมหรือทำงานเสร็จแล้วเข้ามานอน แต่เป็นเพื่อนๆ พี่ๆ ที่กำลังหัวเราะออกมา

            “พี่ไม่ใช่เยซอง แต่เดี๋ยวพี่เงียบให้นะอุคกี้” แล้วก็เป็นอีทึกที่แซวขำๆ ให้เจ้าของชื่อได้แต่ส่งค้อนเล็กๆ มาให้ ตื่นเต็มตาขึ้นมาทันที พร้อมกับยื่นมือไปสะกิดเพื่อนที่นอนข้างๆ

            “มินมินตื่นได้แล้ว”

            “อื้อ...ไม่เอาน่าคยู ฉันเหนื่อย...”

            “อุ๊บ คิกๆ...” เพียงแค่กระรอกตัวน้อยเขย่าเบาๆ คนถูกปลุกก็ได้แต่ดึงไหล่หนี ทั้งยังงึมงำออกมาอย่างเคยชินเสียจนคนทั้งห้องหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะเหมือนว่าแต่ละคนจะหลุดชื่อคนรักออกมาเป็นชื่อแรกทั้งนั้นเลยนี่นะ

            แต่แล้ว ทุกคนก็ต้องชะงัก เมื่อซองมินบอกต่อ

            “ถ้าให้ฉันนอน...เดี๋ยวคืนนี้ออนท๊อปให้นะ...งึมงำๆ”

          อ่า ขนาดหลับยังทำให้คนอื่นเขินม้วนได้เลยนะลีซองมิน

            ฟึ่บๆ

            “จะมาออนท๊อปอะไรฉันห้ะมินมิน ฉันไปทำให้ไอ้พี่เย่ดีกว่ามั้ย” เรียวอุคได้แต่หัวเราะอย่างชอบใจ แล้วเขย่าไหล่เพื่อนแรงๆ เสียงแหลมใสก็ตะโกนเข้าไปในหูเพื่อน จนอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือก ลืมตาขึ้นมาทันที ก่อนที่กวาดสายตามองไปรอบห้องที่ตื่นกันหมดแล้ว

            “อ้าว อรุณสวัสดิ์ ตื่นเช้าจังเลย...” กระต่ายตัวน้อยทักทายด้วยรอยยิ้มไม่รู้ร้อนรู้หนาว แล้วก็ลุกขึ้นมานั่งกอดหมอนใบนุ่มบ้าง ไม่สะทกสะท้านสักนิดที่เผลอหลุดอะไรออกมาให้คนอื่นได้อาย

            “จะออนท๊อปแต่เช้าเลยหรือมินมิน” แล้วก็เป็นดงแฮที่ถามด้วยรอยยิ้มใส ไม่รู้เรื่องรู้ราวกับชาวบ้านเขาเลยว่าปล่อยเรื่องนี้ให้มันผ่านไปเถอะ จนคนฟังหลุดหัวเราะออกมา มือเรียวก็ยกขึ้นโบกไปมาทำนองว่าไม่ล่ะ แต่สำหรับคำตอบแล้ว

            “ก็มีบ้างน่ะด๊อง แต่ฉันไม่ชอบ เพราะมันทำให้เหนื่อยไปตลอดทั้งวันน่ะ” ซองมินยักไหล่นิดๆ ที่ทำให้ฮีชอลอดไม่ได้จะตีไหล่เล็กเบาๆ ทั้งยังส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

            “พวกเรานี่”

            “อ้าว นี่พวกพี่จะกลับกันแล้วหรือ ไม่ไปกินข้าวเช้ากันก่อนหรือ นานๆ มาค้างด้วยกันสักทีนะ” เรียวอุคเอ่ยปากถาม เมื่อเห็นพี่ทั้งสองถือกระเป๋าเตรียมกลับบ้านอยู่ก่อนแล้ว จนอีทึกต้องตอบคำถามเดียวกับที่ตอบฮยอกแจไปก่อนหน้านี้แล้ว

            “อ้อ งั้นเดี๋ยวฉันไปเอามือถือให้นะพี่ ตอนนี้อยู่กับพ่อ” เรียวอุคบอกอย่างนึกขึ้นได้ ก่อนที่ร่างเล็กจะลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง ทั้งที่นอนไปเพียงไม่นาน

          ก็แหม นอนน้อยแต่ได้นอนเต็มที่ไม่มีใครมากวนตอนดึกๆ มันก็เต็มตื่นกว่าหลับๆ ตื่นๆ นี่นะ อีกอย่าง...ไม่ต้องออกแรงด้วยนี่

            ว่าแล้ว กระรอกตัวน้อยที่ฝากเครื่องมือสื่อสารให้กับมุนฮวาก็ก้าวออกจากห้องไป เพราะเจ้าตัวก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้พี่เย่จะโทรมาหาเขาหรือฝากข้อความอะไรไว้บ้างหรือเปล่า

            ลับร่างของกระรอกตัวน้อย ฮยอกแจก็ลุกขึ้นบ้าง แล้วเดินไปที่ริมหน้าต่างซึ่งตากผ้าขนหนูเอาไว้เมื่อคืน เสียงใสก็ที่ติดกังวลหน่อยๆ ก็ร้องบอกเพื่อน

            “ด๊อง มินมิน ฉันขออาบน้ำก่อนนะ ไม่รู้พี่ฮันจะมาเมื่อไหร่น่ะ” ฮยอกแจพึมพำเสียงเบา ยังคงกัวลกับสายตาคาดโทษของคนตัวโตที่ส่งให้เมื่อวานเย็น เพราะฉะนั้น อาบน้ำแต่งตัวรอเลยดีกว่า ไม่รู้ว่ามาเฟียใหญ่จะมารับเองหรือส่งคนมารับก็ไม่รู้ แล้วเห็นที...คืนนี้ท่าทางจะน่ากลัวจริงๆ

            “คิก นายนี่น้าน่าจะเถียงอะไรพี่ฮันบ้างนะฮยอก อย่ายอมอย่างเดียวสิ” ซองมินว่าเสียงใสอย่างไม่เห็นด้วยกับเพื่อนเท่าไหร่ที่ยอมคนรักเสียทุกอย่าง แต่ลูกเจี๊ยบตัวน้อยก็โบ้ยไปทางเพื่อนซี้ทันที

            “งั้นบอกด๊องให้เถียงพี่คิบอมก่อนสิ ฉันจะลองเถียงพี่ฮันบ้าง”

            “ไม่เห็นต้องเถียงเลยนี่นา ทำไมต้องเถียงด้วยล่ะ ด๊องไม่เห็นว่าควรจะเถียงพี่คิบอมนี่นา” ว่าจบ ดงแฮก็ยู่หน้าเข้าหากันนิด ทั้งยังส่ายหน้าเร็วๆ ยืนยันเจตนารมณ์ความเป็นเด็กดีของตัวเองขั้นสุด จนซองมินได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

            จะยุยังไงให้สองคนนี้เถียงผัวได้บ้างมั้ยเนี่ย

            “ไม่เอาแล้ว ฉันไปอะ...”

            “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไอ้บ้าเอ้ย!!!

            ขวับ

            แต่ยังไม่ทันที่ฮยอกแจจะก้าวจากจุดเดิมสักก้าว เสียงร้องโหยหวนประหนึ่งกระรอกถูกดึงหางก็ดังมาจากชั้นล่าง จนผ้าขนหนูผืนนุ่มที่ถือเอาไว้แทบหลุดจากมือ สายตาทุกคู่หันขวับไปมองหน้าห้องทันทีอย่างตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น

            ตึก ตึก ตึก ตึก

            จากนั้น เสียงฝีเท้าหนักๆ ก็ดังมาจากชั้นล่างพุ่งขึ้นมาชั้นบนทันทีอย่างไม่ต้องให้ใครสงสัยนาน แล้วสักพักเดียวกระรอกตัวน้อยที่เมื่อกี้ยังหน้าตาสดใสกลับทำหน้าเหมือนจะฆ่าคน มือเรียวหอบโทรศัพท์มือถือหลายเครื่องมาแล้วโยน...ใช่ โยนลงกลางเตียงนอนนุ่มแล้วคว้าเฉพาะเครื่องของตัวเองที่เพิ่งเปิดเครื่องเมื่อครู่ขึ้นมา

            “ไอ้พี่เย่บ้า ไอ้ผัวเฮงซวย แค่คืนเดียวเท่านั้นแหละ มันเล่นอย่างนี้จนได้!!! ฮึ่ย เมียมีของดีไม่ชอบ ชอบไปกินของนอกบ้านใช่มั้ย ไอ้พี่เย่บ้าเอ้ย!!” เรียวอุคด่าไฟแลบเสียจนคนในห้องที่ยังไม่ทันตั้งตัวได้แต่มองหน้ากันอย่างหวาดๆ ยิ่งสีหน้าแบบจะขย้ำคอคนที่ตัวเองพูดถึงก็ทำให้ฮีชอลรีบก้าวมาจับไหล่เล็ก

            “เกิดอะไรขึ้นอ่ะอุคกี้”

            ฟึ่บ

            “พี่ซินดูนี่ ไอ้พี่เย่ไปไปกกสาวไหนก็ไม่รู้ กอดกันกลมเลยด้วย พี่ดูสิๆๆๆๆ แค่หนีมานอนบ้านเพื่อนคืนเดียวมันก็ออกลายให้เห็นเลยนะ ใช่สิ เรามันของเก่าถูกใช้จนหลวม (?) จะไปสู้สาวๆ ได้ยังไง แค้น มันแค้น!!” เรียวอุคชูโทรศัพท์ของตัวเองที่บนหน้าจอมีภาพคนแก้มป่องกอดกับสาวสวยในชุดแซกบนโซฟาขึ้นมาทันที เสียงใสก็ก่นด่าไปด้วย จนแต่ละคนได้แต่อ้าปากค้าง

            หมับ

            “ฉันอาบก่อน จะรีบกลับไปจัดการไอ้โรคจิตให้มันหลาบจำ!” ว่าจบปุ๊บ เรียวอุคก็ฉวยผ้าขนหนูจากมือฮยอกแจแล้วก้าวดุ่มๆ เข้าห้องน้ำไปทันทีจนทั้งห้องไปแต่นิ่งอึ้ง

            ปัง!!!

            “...”

            ภายในห้องเหลือเพียงความเงียบเข้ามาเยือน เมื่อประตูห้องน้ำปิดลงไปเรียบร้อยแล้ว โดยที่แต่ละคนก็ได้แต่มองโทรศัพท์เจ้าปัญหาที่เรียวอุควางทิ้งไว้บนเตียงอย่างหวั่นๆ หัวใจแต่ละคนเกิดคำถามว่าในเมื่อเยซองไปกอดกับผู้หญิงเมื่อคืน แล้วคนของตัวเองที่ไปกินเหล้าด้วยกัน (ตามคำบอกเล่าของดงแฮ) ล่ะ จะทำแบบนี้ด้วยมั้ย

          อ้อ ไม่สิ ต้องบอกว่าหัวใจของทุกคนเว้นแค่เพียง...

            หมับ

            “อ้าว นี่มันแทแทนี่นา”

            “เอ๋!!!


            ท่ามกลางบรรยากาศแสนเคร่งเครียด เสียงหวานของคนที่คลานดุ๊กดิ๊กมาคว้าโทรศัพท์ไปดูก็เอ่ยแทรกขึ้นมา จนเสียงอุทานดังลั่น สายตาทุกคู่หันขวับกลับไปมองปลาตัวน้อยที่ยังพันด้วยผ้าห่มผืนหนา เหลือเพียงแค่หน้ากับแขนที่โผล่ออกมากำลังบอกอย่างพินิจพิเคราะห์

            ฟึ่บ

            “นายว่าไงนะ แทแทหรือ” ซองมินที่ทำท่าจะอาละวาดเป็นเพื่อนเพื่อนสนิทรีบกระโดดมานั่งข้างดงแฮทันที ทั้งยังชะโงกหน้าไปมองหน้าจอโทรศัพท์ของชายหญิงคู่หนึ่งอย่างรวดเร็ว

            คำถามที่คนหน้าหวานพยักหน้าหงึกหงัก

            “ใช่สิ นี่มันแทแทน่ะมินมิน ด๊องจำได้ มุมนี้ของแทแทก็เคยทำให้ด็องเข้าใจผิดมาแล้วน่ะ เมื่อตอนปีสองปีสาม ยูริก็ส่งภาพแทแทกอดพี่คิบอมมาให้ด๊องดู ทำเอาเข้าใจผิดเลย ด๊องล่ะกลัวพี่คิบอมมีคนอื่นเลยยอมออนท๊อปกลางห้องทำงานพี่คิบอมที่ห้องสภาเลยนะ ตั้งแต่นั้นมา ด๊องก็จำได้ขึ้นใจล่ะว่ามุมนี้น่ะ...แทแทชัดๆ เลย”

            “...”

            เงียบ...กริบ

            สิ้นข้อสรุปของคนรู้ลึก รู้จริง รู้ทุกอย่าง ความเงียบก็เข้าปกคลุมทั่วทั้งห้องนอนเล็กๆ ในทันที เหลือเพียงสายตาหลายคู่ที่สบกันอย่างอึ้งๆ ก่อนที่จะเป็นซองมินที่ฉีกยิ้มน่ากลัวก่อนคนอื่น

            “อ้อ เพื่อนกันเลยชอบเล่นอะไรแบบนี้งั้นสินะ อย่าให้รู้นะว่าเป็นความคิดคยู บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่าเอาความรู้สึกมาหยอกกันเล่น อยากให้ควงผู้ชายคนอื่นยั่วให้หึงอีกหรือไง” ซองมินบอกอย่างอดหงุดหงิดแทนเพื่อนไม่ได้ โทษไปถึงคนเจ้าเล่ห์ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ เลยสักนิด

            “แล้วเยซองจะทำไปทำไมล่ะ” ฮีชอลถามอย่างแปลกใจ ที่ทำให้กระต่ายตัวน้อยบอกเสียงขุ่น

            “ฉันว่ายั่วให้หึงชัวร์เลย เล่นอะไรแผลงๆ” ซองมินว่าอย่างไม่ชอบใจ

            “งั้นเราบอกอุคกี้กันมั้ยว่าคนในภาพ...”

            ปัง!

            “ขอบคุณที่ให้มาค้างนะด๊อง ฉันกลับก่อน จะไปเอาเลือดหัวไอ้บ้านี่ออก ไปแล้ว” ยังไม่ทันที่ฮยอกแจจะเสนอความคิดจบ คนที่เรียกว่าวิ่งผ่านน้ำ (หรือเผลอๆ อาจจะแค่ล้างหน้าแปรงฟัน) ก็โผล่ออกมาอย่างรวดเร็ว เสียงแหลมใสบอกเร็วปรื๊อ ก่อนจะก้าวฉับๆ ออกจากห้องอย่างที่คนอื่นเรียกไว้ไม่ทัน

            “เอ่อ...”

            ปัง

            “ลืมหลักฐาน ไอ้พี่เย่ เตรียมตัวตายได้เลย!!” คนตัวเล็กที่ก้าวออกจากห้องไปแล้ววกกลับมาอีกครั้ง ก่อนจะฉวยโทรศัพท์ของตัวเองในมือดงแฮไปอย่างรวดเร็ว แล้วก้าวฉับๆ จะออกจากห้อง

            “อุคกี้...”

            “ไม่ฟังพี่ซิน อารมณ์ไม่เย็นแล้วตอนนี้เดือดจนอยากฆ่าคนแล้ว” เพียงแค่ฮีชอลร้องเรียกเบาๆ เสียงแหลมก็แหวลั่นแล้วก็ก้าวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว จนคนที่รู้แล้วว่ากระรอกตัวน้อยน่าจะถูกแกล้งได้แต่ยิ้มแห้งๆ

            “เอาไงดีล่ะเนี่ย” ฮยอกแจพึมพำอย่างเป็นกังวลที่ทำให้คนที่รู้นิสัยเพื่อนตัวเองดีกว่าใครยักไหล่นิดๆ

            “ปล่อยไปเถอะ ตอนนี้อุคกี้ไม่ฟังหรอก อีกอย่าง...” ดวงตาโตวาววับขึ้นมาทันทีอย่างเคืองแทน ทั้งยังหมายมาด

            “...เอาเลือดหัวคนชอบล้อเล่นความรู้สึกคนอื่นออกมาก็ดีเหมือนกัน ฮึ”

            เสียงใสที่คนฟังหลายคนอดจะเสียวสันหลังแทนไม่ได้ เพราะเหมือนว่าแม้งานนี้คยูฮยอนไม่เกี่ยว ซองมินก็จะลากมาเอี่ยวจนได้ซะแล้วสิ

            RRRRRRRrrrrrrrrrrrr

            แต่แล้ว โทรศัพท์เครื่องเล็กก็แผดเสียงก้องขึ้นมาในห้องนอน เสียงรอสายที่รู้ดีว่าใครทำให้ดงแฮรีบคว้ามันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเรียวสวยปรากฏรอยยิ้มหวานๆ ขึ้นมาทันที

            “ฮะ พี่คิบอม”

            “ตื่นแล้วใช่มั้ย” เสียงนุ่มทุ้มของอีกฝ่ายดังลอดเข้ามาให้คนฟังยิ้มหวานแล้วพยักหน้าหงึกหงัก

            “ตื่นแล้วฮะ พี่คิบอมล่ะฮะ ได้นอนหรือยัง” ร่างบางถามอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ ในเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าไปผับกันมานี่นา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้นอนกันแล้วหรือยัง คำถามที่ทำให้ปลายสายนิ่งไปเพียงนิด แล้วตอบคำด้วยเสียงที่อ่อนลง

            “งีบไปหน่อยเดียวที่ผับฮันคยอง เมื่อคืนดื่มโต้รุ่งกับพวกมันมากไปหน่อย ฉันเพิ่งกลับเข้าบ้านมาเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ว่าจะนอนสักหน่อย” คิบอมบอกเรียบๆ ที่ทำให้คนเร็วเสมอสำหรับเรื่องของผู้ชายคนนี้ยู่ปากเข้าหากันหน่อย

            “งั้นพี่คิบอมนอนก่อนนะฮะ เอาไว้ตื่นแล้วค่อยโทรหาด๊องก็ได้ อืม ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวเย็นนี้ด๊องเข้าไปทำมื้อเย็นให้ทานดีกว่าเนอะ พี่คิบอมจะได้พักผ่อนเต็มที่” แล้วว่าที่เจ้าสาวก็ว่าอย่างน่ารัก คุยเจื้อยแจ้วกับปลายสายสักพัก รวมทั้งบอกว่าจะส่งคนมารับตอนเย็น จะได้ไม่ต้องไปหาเขาเอง อีกอย่าง...เลี่ยงการปะทะกับว่าที่พ่อตาเสียด้วย

            “ฮะ ฝันดีฮะพี่คิบอม” ดงแฮวางสายไปแล้ว ก่อนหันมามองคนในห้องแล้วรายงานเสียเรียบร้อย

            “พี่คิบอมบอกว่าเพิ่งแยกย้ายกันกลับเมื่อชั่วโมงที่แล้วฮะ นั่งดื่มโต้รุ่งกันมากไปหน่อย แต่ไม่ได้ถึงขั้นเมาเดินไม่ไหวนะฮะ แค่มึนๆ ส่วนใหญ่ก็นอนที่ผับพี่ฮันฮะ แต่ตอนนี้น่าจะแยกย้ายกลับบ้านแล้ว” คำรายงานที่ทำให้พี่ใหญ่ทั้งสองอดจะเป็นห่วงคนรักไม่ได้

            “อืม งั้นฉันโทรบอกคังอินก่อนนะว่าให้พักยาวเลย เดี๋ยวหายมึนค่อยไปหาที่ร้าน”

            “เหมือนกัน สงสัยต้องบอกซีวอนก่อน ไม่งั้นคงดื้อจะมารับให้ได้” ฮีชอลก็ตอบคำเพื่อน ก่อนจะหันมาหารุ่นน้องทั้งสามที่ยังอยู่ในห้อง

            “งั้นพี่ไปแล้วนะ เอาไว้วันไหนค่อยมาค้างคืนกันอีก”

            “คราวหน้าห้องฉันนะพี่ เดี๋ยวฉันไล่คยูไปนอนที่อื่นเอง” ซองมินบอกเสียงใสทันทีที่ทำให้พี่ใหญ่หัวเราะขำ แล้วก้าวออกจากห้องเพื่อไปลาเจ้าของบ้านอีกสองคนก่อน คราวนี้ก็เหลือเพียงสามลีที่มองหน้ากันนิด

            ฟึ่บ

            “งั้นฉันขออาบน้ำก่อนแล้วกันนะฮยอก หมาบ้าแถวนี้เวลาเมาแล้วทำอะไรเองไม่ได้ ต้องกลับไปดูซะหน่อย” แล้วคนใจแข็งกว่าชาวบ้าน (?) ก็บอกง่ายๆ หันไปคว้าผ้าขนหนูของตัวเองที่ทำให้ดงแฮอดจะหัวเราะคิกไม่ได้

            “มินมินห่วงพี่คยูใช่มั้ยล่ะ”

            คำถามที่ซองมินหันมาเลิกคิ้วขึ้นนิด แล้วบอกเต็มปากเต็มคำ

            “ไม่ห่วงสามีสุดที่รักจะไปห่วงใครล่ะ เจ้าปลาต๊อง” ว่าจบ ก็ผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำ ให้คนต๊องหัวเราะคิกคัก ขาเรียวตีไปมาในอากาศอย่างน่ารักน่าเอ็นดู นัยน์ตาคู่สวยก็หันไปมองเพื่อนสนิทที่กลับมาทรุดนั่งอยู่บนเตียงอีกครั้ง หลังจากถูกแย่งห้องน้ำเป็นครั้งที่สอง

            “แล้วฮยอกล่ะ...”

            ขวับๆ   

            ฮยอกแจส่ายหน้าน้อยๆ อย่างเข้าใจคำถามของเพื่อน ทั้งยังโล่งอกอยู่ไม่น้อยจนต้องถอนหายใจแรงๆ ในเมื่อพี่ฮันไปกินเหล้ากับเพื่อน เขาก็ยังพอมีเวลาเตรียมใจก่อนจะถูกหิ้วกลับบ้านนี่นะ

            “พี่ฮันไม่เมาหรอก ไม่เคยเห็นพี่ฮันเมาสักที ถ้ายังไม่ได้นอน ป่านนี้คงกลับไปนอนมั้ง เดี๋ยวฉันอยู่ช่วยนายเก็บกวาดห้องดีกว่า ขยะเต็มเลย” ลูกไก่ตัวน้อยบอกอย่างน่ารัก ให้เพื่อนสนิทกดหน้าเร็วๆ พลางมองห้องที่ตอนนี้รกไปหมด ทุกทีถ้าไม่มีงานเข้าอย่างนี้ พวกเขาก็คงช่วยกันเก็บกวาดก่อนล่ะนะ แต่เมื่อต่างฝ่ายต่างมีธุระก็ไม่เป็นไร

            “อืม งั้นวันนี้ทำขนมกันมั้ย ฮยอกจะได้เอาไปให้พี่ฮัน แล้วด๊องจะได้เอาไปให้พี่คิบอมด้วย...”

            “เอาสิ ตั้งแต่ไปจีน ฉันก็แทบไม่ได้เข้าครัวเลยน่ะ ก็ดีเหมือนกันนะ ไม่ได้ทำขนมกับแม่ซอนแฮตั้งนานแล้วด้วย” ฮยอกแจพยักหน้าอย่างแข็งขัน ก่อนที่สองสาวจะช่วยกันเก็บห้องนอนที่ตอนนี้รกใช่เล่นให้เข้าที่เข้าทาง โดยที่สองสาวไม่รู้เลยว่า...คนที่ตัวเองจะทำขนมไปให้น่ะ...เตรียมบทลงโทษเอาไว้แล้วล่ะ

            และท่าทาง...จะหนักเอาเรื่องเสียด้วย

.............................................

            ปัง!!!

            “อยู่ไหน ไอ้พี่เย่บ้า ไอ้ซาลาเปาแก้มบวม!!!

            ภายในคอนโดแสนกว้างขวาง กระรอกตัวน้อยที่ตรงดิ่งกลับบ้านมาก่อนก็เปิดประตูผั้วะใหญ่ แล้วก้าวดุ่มๆ เข้าไปตะโกนเรียกใครบางคนที่ทำให้เขาต้องข่มกลั้นความรู้สึกบางอย่างตั้งแต่เห็นภาพนั้นจนนั่งแท็กซี่กลับมาอย่างนี้

            แต่ภายในห้องที่เต็มไปด้วยภาพคู่ของคนทั้งสองกลับเงียบสนิท จนใจดวงน้อยเริ่มหวั่นอยู่ลึกๆ มือเรียวปล่อยกระเป๋าของตัวเองไว้กลางห้อง  อีกมือกำโทรศัพท์เอาไว้แน่นจนแทบจะบาดเนื้อ เตรียมปะทุอารมณ์เต็มที่

            “ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ไอ้กวนประสาท อยู่ไหน!!!” เรียวอุคแหวลั่น ก่อนที่ขาเรียวจะก้าวตรงดิ่งไปยังห้องนอนของทั้งสอง

            กึก

            “นี่มัน...” เสียงหวานกลืนหายเข้าไปในลำคอ เมื่อเห็นเสื้อผ้าของคนรักถอดระเกะระกะอยู่บนพื้นที่นำไปสู่ห้องนอน มือเรียวก็กำเสื้อเอาไว้แน่น ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโมโห

          ทำอย่างนี้ได้ยังไง เมื่อคืนพาใครมานอนด้วย อยากตายใช่มั้ยห้ะ ไอ้บ้า ไอ้งี่เง่า

            คนตัวเล็กร้องด่า ยามที่บังคับขาที่สั่นน้อยๆ ด้วยอารมณ์อยากกระทืบคน ให้ก้าวเข้าไปในห้องนอนกว้างที่เห็นเพียงร่างที่โผล่มาแค่เรือนผมสีเข้มที่เขารู้ดีว่าใคร เพราะต่อให้เห็นแค่นิ้ว (?) ของไอ้คนที่นอนอยู่ เขายังจำได้ดีเลยว่าเป็นของใคร (แน่ล่ะ ออกจะเป็นเอกลักษณ์)

            “ไอ้ผัวงี่เง่า ตื่นขึ้นมาคุยกันเดี๋ยวนี้นะ!!!” เสียงใสที่แหวลั่น ทำเอาคนที่เพียงงีบไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วตื่นเต็มตา ดวงตาคู่คมที่ยังมุดอยู่ใต้ผ้าห่มวาววับขึ้นมาอย่างชอบใจ

            เห็นมั้ยล่ะว่าตัวเล็กของเขากลับบ้านมาก่อนคนอื่นแน่นอน

            “หืม อะไรครับตัวเล็กของพี่เย่...” เยซองแกล้งงัวเงียแล้วโผล่หน้าขึ้นมาจากกองหมอน

            เปรี้ยง!

            “เฮ้ย!!!” คนที่เพิ่งโงหัวขึ้นมาถึงกับร้องลั่นทันที เมื่อโทรศัพท์เครื่องหรู (แน่ล่ะว่าเงินเขา) ถูกโยนมากระแทกหัวเตียงเฉียดกับหน้าเขาไปเพียงนิดเดียว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักของเสียงอุทาน ไม่ใช่เพราะตัวเล็กทำท่าอยากจะเฉือนของเขาทิ้ง แต่ว่า

            “ฮึก...ไอ้พี่เย่บ้า...ฮือ...ทำอย่างนี้กับฉันได้ยัง...ไง ฮือ”

          บรรลัยแล้วไง ตัวเล็กร้องไห้ งานเข้ากูล่ะไอ้เยซอง!!


...........................................

Special CL_9 ปาร์ตี้วงเหล้า

Special CL_9 ปาร์ตี้วงเหล้า



          ในขณะที่สาวๆ กำลังมีปาร์ตี้เล็กๆ ในห้องนอนของดงแฮอยู่นั่น อีกฟากหนึ่งของกรุงโซล โชว์รูมรถขนาดย่อมก็ย้ายจากหน้าบ้านคนหน้าหวานมาจอดเรียงกันอยู่ในลานจอดรถของผับมีระดับที่สุดในย่านนี้ จากนั้น ชายหนุ่มเจ้าของรถก็ก้าวออกมาด้วยสีหน้าที่บอกได้ชัดเลยว่า...ไม่สบอารมณ์อย่างแรง

            “พวกพี่อย่าทำหน้าเหมือนพ่อตายได้มั้ย แค่เมียไม่อยู่วันเดียวเอง” เยซองว่าด้วยเสียงกลั้วหัวเราะอย่างไม่ทุกข์ร้อนสักเท่าไหร่ อย่างที่ว่าเมียคนสวยของเขาน่ะ เอาแน่เอานอนไม่ได้ วันไหนนึกอยากกลับไปนอนบ้านก็ไป เพราะฉะนั้น เมื่อรู้จุดหมายแน่นอนแล้วว่าอยู่ไหน...ก็ปล่อยให้เขาได้สนุกบ้าง

            แม้ว่าเวลาตัวเล็กหงุดหงิดจะน่ารักน่าแกล้งก็เถอะ

            หมับ

            “มึงเอาแขนออกจากคอกูเลยไอ้เย่ แล้วอย่าเล่นถึงพ่อกู ยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ เดี๋ยวยันตกข้างทางเลยนี่” คยูฮยอนว่าอย่างหงุดหงิดเล็กๆ มือใหญ่ก็แกะมือของเจ้าซาลาเปาเพื่อนซี้ออกจากคอตัวเอง ใบหน้าคมคายที่มักเจ้าเล่ห์อยู่เป็นประจำถึงคราวเซ็งหนัก ยิ่งนึกถึงหน้าเมียที่โบกมือหย็อยๆ แล้วที่หงุดหงิดน่ะก็เพราะซองมินไม่ได้โบกไปซ้ายขวาอย่างชาวบ้านเขา แต่กระต่ายแสบของเขาน่ะ โบกไล่ไปไกลๆ เนี่ยสิ

          ฮึ กลับมาเมื่อไหร่จะเล่นให้เครื่องร้อนไม่ต้องพักกันเลย คอยดู!!

            “อ้อ พี่คยูสุดหล่ออารมณ์ไม่ดีเพราะว่าน้องซองมินโบกมือเหมือนไล่หมาใช่ป่ะ...เฮ้ย!!! ฮ่าๆๆๆ” เยซองยื่นหน้ามาบอกอย่างขำๆ ก่อนที่จะต้องร้องลั่น เมื่อคนไม่สบอารมณ์กำลังยกมือขึ้นหมายตบกระโหลก แต่ด้วยกวนตีนมาตั้งแต่มันเด็กจนโตมีเมียกันแล้ว เยซองก็เพียงขยับหลบแล้วหัวเราะเสียงดังลั่น วิ่งนำเข้าผับไปก่อนอย่างอารมณ์ดี

            “มึงก็รู้ว่าไอ้เย่กวนตีน ยังไปเล่นกับมันอีก” คังอินบอกแล้วถอนหายใจหนักๆ ไอ้ครั้นจะให้โมโหก็ทำไม่ได้ ในเมื่ออีทึกบอกว่าอยากอยู่กับน้องๆ คนรักเมีย ตามใจเมีย แถมยังอ่อนให้เมียเลยทำได้แต่ตามใจอย่างที่ทำเสมอมา

            ถ้าทึกกี้มีความสุข แค่ไม่ได้นอนกอดคืนเดียวคงไม่เป็นไรหรอก (กัดฟันพูด)

            “ผมเล่นกับมันที่ไหนวะพี่ ผมจะไม่แปลกใจเลยถ้าตัวเล็กของมันนึกคึกลุกขึ้นมาเอามีดกระซวกไส้น่ะ” คยูฮยอนว่าแล้วยักไหล่นิดๆ ก่อนจะก้าวตามเพื่อนเข้าไปอย่างไม่เร่งรีบ โดยมีคังอินที่หันมามองเพื่อนบางคนที่ทำหน้าเหี่ยวๆ อยู่ไม่ไกล

            “มึงก็เลิกทำหน้าเหมือนจะตายวันตายพรุ่งได้มั้ย ไอ้สิงโตหวานเลี่ยน เห็นแล้วมันเซ็ง” คังอินว่าพลางส่ายหน้าน้อยๆ แล้วล็อกคอสุภาพบุรุษเชวที่ทำหน้าเหมือนกำลังถูกความผิดกองทับถมจนไม่สามารถปีนขึ้นมาหายใจได้เข้าไปในผับบ้าง

            คราวนี้ก็เหลือเพียงเจ้าของสถานที่กับเพื่อนสนิทที่เพียงหันมาสบตากันแวบหนึ่ง แม้ว่าใบหน้าคมคายของทั้งสองจะยังดูเรียบเฉยไม่ต่างจากเดิมสักเท่าไหร่ แต่คิบอมก็สัมผัสได้เลยว่าไอ้เพื่อนตายน่ะ...กำลังคิดอะไรอยู่

            ปั่บๆ

            “คำพูดของพ่อตาฉันต้องเอามาหารครึ่งถึงจะได้ความจริง” คิบอมบอกสั้นๆ แล้วเดินนำเข้าไปก่อนอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจเท่าไหร่ เพราะรู้นิสัยลีมุนฮวาดี แม้ว่าครั้งนี้จะพลาดตรงที่คนที่ให้ท้ายเสมอถูกดักเอาไว้ก่อนก็เถอะ

            คำเตือนของเพื่อนสนิทที่ดูเหมือนจะคาดเดาความคิดของมาเฟียหนุ่มออก ทำให้คนฟังที่ดวงตาคู่คมเหมือนกำลังคิดอะไรบางอยู่ได้แต่ก้าวตามอย่างแบบเสียไม่ได้

            บางอย่างที่แฝงอยู่ภายใต้ความพ่ายแพ้ทำให้เขาคิดอะไรได้

            หลังจากนั้น ทั้งคิบอมและฮันคยองก็ก้าวขึ้นไปยังส่วนของลูกค้าวีไอพีที่เพื่อนๆ และน้องๆ ก้าวนำขึ้นไปก่อนแล้ว วันนี้เยซองที่ก้าวนำมาก่อนเลือกที่นั่งที่ชั้นลอย ไม่ใช่ห้องส่วนตัวที่ชั้นบนขึ้นไปอีก และในเวลานี้ก็มีเพียงลูกค้าสองสามคนที่นั่งอยู่ชิดกับริมระเบียงด้านใน ส่วนบรรดาหนุ่มๆ อดีตสภานักศึกษาก็กำลังทรุดนั่งในจุดที่มองเห็นชั้นล่างมากที่สุด

            “วันนี้นายเลี้ยงนะไอ้ฮัน” คังอินส่งเสียงมาบอกเจ้าของผับ หลังจากสั่งเครื่องดื่มดีกรีแรงจากพนักงานที่คอยดูแลอยู่ไม่ไกลแบบที่หมียักษ์กะว่าไม่ได้ดื่มกับเพื่อนนาน วันนี้ก็เอาสักหน่อย คำถามที่ฮันคยองพยักหน้าส่งๆ แล้วทรุดนั่งลงบนโซฟาตัวหนึ่ง ขายาวยกขึ้นพาดโต๊ะตรงหน้า แล้วเอนหัวลงพิงพนักโซฟาด้วยท่าทางเหมือนคิดอะไรอยู่ จนใครๆ ก็สังเกตเห็น

            ขณะที่คิบอมก็ทรุดนั่งที่โซฟาเดี่ยวอีกตัว มือใหญ่ทั้งสองข้างพาดไปตามพนักโซฟา แต่ก็เพียงพักเดียว เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงสั่นของโทรศัพท์มือถือ มือใหญ่ก็ล้วงมันออกมาพร้อมกับริมฝีปากที่ยกมุมขึ้นเพียงนิด ดวงตาคู่คมบอกชัดเจนว่ากำลังพอใจ

          คนน่ารักของเขาส่งข่าวมาบอกแล้วว่าทำอะไรอยู่

            ท่าทางของสองหนุ่มที่ทำให้คยูฮยอนหรี่ตาลงน้อยๆ อย่างจ้องจับสังเกต แต่เหมือนจะไม่ทันรุ่นพี่อีกคนที่กำลังรอเครื่องดื่มที่สั่งไป

            “มึงเป็นอะไรเนี่ยไอ้ซีวอน กูเห็นมึงซึมเหมือนต้นไม้ขาดน้ำตั้งแต่ที่บ้านดงแฮแล้วนะ” ไม่ถามเปล่า คังอินก็ส่งขาไปสะกิดแทนมือ จนพ่อหนุ่มหล่อที่ยามนี้เป็นนักธุรกิจไฟแรงเพียงถอนหายใจหนักๆ ทั้งที่ยามปกติคงขยับขาหนีแล้วด่าด้วยสายตาไปแล้ว

            “เฮ้อ...เรื่องซินน่ะ...” คำตอบสั้นๆ ที่ทั้งกลุ่มเข้าใจความหมายได้อย่างดี...สรุปก็เรื่องเมีย

            “ทำไม” คังอินเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจว่าเรื่องอะไร ในเมื่อก็ไม่เห็นมีเรื่องไหนให้ไอ้มาดเยอะซึมกระทือได้ขนาดนี้ แต่คำถามนี้กลับทำให้ซีวอนถอนหายใจหนักๆ นึกย้อนไปถึงคำพูดไม่กี่คำที่ทำให้เขารู้สึกผิดเต็มหัวใจ

            เหมือนถูกแทงไม่พอ ยังควักหัวใจมากระทืบให้ช้ำแล้วยัดกลับเข้าที่เดิม

            “พวกนายจำเรื่องที่ฉันเคยทำให้ซินต้องหนีไปอยู่บ้านดงแฮได้มั้ย”

            “หึๆๆ ตอนที่พี่เป็นพระเอกมิวสิคน่ะหรือ” คยูฮยอนบอกอย่างนึกขำ เมื่อเห็นภาพเมื่อหลายปีก่อนที่เขาเป็นน้องที่แสนดียืนกางร่มอยู่ข้างๆ พี่ชายคนนี้ คำตอบที่ทำให้เยซองที่กำลังรินเครื่องดื่มแจกพี่ๆ หัวเราะออกมา

            “โคตรน่าเสียดายเลยว่ะพี่ ไอ้คยูมึงน่าจะถ่ายคลิปเอาไว้นะเว้ย...”

            “ขำมากมั้ย” ยังไม่ทันที่เยซองจะแซวขึ้นมาจนจบ ซีวอนก็ตวัดสายตาไปมองรุ่นน้องแล้วถามเรียบๆ จนคนพูดถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งที่คนอย่างพี่ซีวอนทำหน้าเหมือนอยากจะบีบคอเขาขึ้นมาเฉยๆ แต่แน่ล่ะ คนอารมณ์ดีก็ยังอารมณ์ดีอยู่วันยันค่ำ ใบหน้าคมคายถึงฉีกยิ้มกว้าง

            “มากพี่”

            “หึๆ”

            แปะ

            เยซองว่าจบก็หันไปแทคมือกับเพื่อนซี้เสียงดัง จนซีวอนได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ ดวงตาคู่คมก็ก้มลงต่ำเพียงนิด เขาเพิ่งมาฉุกใจคิดเพราะคำพูดของมุนฮวาว่าเขาเคยทำซินร้องไห้ แล้วตลอดเวลาหลายปีมานี้ก็ไม่ใช่แค่เรื่องนั้น อาจจะมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเรื่องที่ความเห็นไม่ตรงกันจนต้องทะเลาะ และนั่นก็ทำให้คนที่เขาที่สุดเสียน้ำตาได้อยู่ดี

            ไม่อยากให้ซินร้องไห้ ไม่อยากให้ซินเสียใจ

            “ฉันแค่ไม่อยากนึกถึงน้ำตาของซินว่ะ วันนั้นถ้าย้อนไปได้ ฉันจะห้ามโจวมี่ไม่ให้มันวางยาซิน” ซีวอนว่าพลางถอนหายใจหนักๆ ที่ทำให้คังอินตบบ่าเพื่อนแรงๆ ไอ้นี่บทจะหวานก็น้ำตาลเรียกพี่ บทมันจะทำตัวโศกก็น่าถีบเกินไป

            “น้องมันหวังดี”

            “รู้ว่าหวังดี แต่มันก็ทำให้ฉันกับซินเริ่มไม่สวยเท่าไหร่ เออ ช่างเถอะว่ะ ว่าแต่มีใครได้ข่าวไอ้น้องรักฉันบ้างมั้ย” ซีวอนว่าอย่างนึกขึ้นได้ เพราะจะว่าไป เขาก็ไม่ได้เห็นเจ้าลูกพี่ลูกน้องสักเท่าไหร่ ยิ่งช่วงหลังมานี้ไม่ได้กลับเข้ามหาวิทยาลัยด้วย

            คำถามที่ทำให้เยซองเลิกคิ้วนิด แล้วหัวเราะเบาๆ

            “ตามเฝ้าเฮนรี่อยู่น่ะพี่ เห็นว่าช่วงนี้มีคนตามจีบเยอะ น้องพี่นี่องค์ลงเลยล่ะ” เยซองว่าขำๆ กับเจ้าน้องชายที่ตอนนี้ขึ้นเป็นประธานสภานักศึกษาหลังจากที่พวกแทคยอนและนิชคุณจบไป และเหมือนคำตอบนี้จะเรียกความสนใจจากคนทั้งกลุ่มได้อย่างดี ในเมื่อน้องเล็กของกลุ่มน่ะเจ้าเล่ห์ได้โล่ ตอแหลได้เรื่อย แต่ดูเหมือนจะมาตกม้าตายที่เด็กไร้เดียงสาแก้มป่องๆ ยิ้มน่ารักๆ น่ะสิ

            “อยากเห็นว่ะ โจวมี่เนี่ยนะ”

            “ได้ยินแว่วๆ เหมือนกันว่าเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นเลย เฮนรี่ยิ่งโตยิ่งน่ารักนะ” คยูฮยอนเอ่ยเสริมที่เรียกเสียงหัวเราะจากพี่ชายเจ้าตัวได้อย่างดี

            “ท่าทางจะกรรมตามสนองว่ะ ทำให้น้องมันไม่มั่นใจตั้งนานสองนานกว่าจะยอมเอ่ยบอกรักสักที เป็นไงล่ะคราวนี้” คังอินว่าขำๆ ขณะที่หันไปมองเพื่อนอีกสองคนที่เงียบเสียงลงตั้งแต่ก้าวเข้ามานั่ง โดยที่คนหนึ่งก็กำลังก้มมองโทรศัพท์ไม่วางตา ดวงตาคู่คมที่แสนเย็นชาเหมือนจะอ่อนแสงลงนิด

            ขณะที่ข้างคิบอม เพื่อนอีกคนก็เอาแต่จ้องแก้วเหล้านิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่


            “ว่าแต่ พี่คิบอม...พี่ทำได้ไงวะทะเลาะกับพ่อตามาตั้งสองสามปี เป็นผมนะ พ่อหวงขนาดนี้คงดักฉุดสถานเดียวแล้วว่ะ” คยูฮยอนบอกพลางยกเครื่องดื่มขึ้นจิบ ดวงตาคู่คมก็มองรุ่นพี่ที่แสนเย็นชา แต่พวกเขาก็พอมองออกว่าเวลาที่ถกเถียงกับคุณพ่อตา คิบอมดูจะอ่อนลงเยอะ

            “แล้วให้ซองมินมานั่งร้องไห้ทีหลังน่ะหรือ”

            สิ้นคำของคยูฮยอน คิบอมลดโทรศัพท์ในมือลงแล้วหันไปถามรุ่นน้องเสียงเรียบ ที่ทำเอาคนฟังนิ่งไปชั่วแวบหนึ่ง แล้วตีความจากดวงตาคู่คมที่มองมา

            ถ้าเขาดักฉุด ถ้าเขาเข้ากับคนที่บ้านอีกฝ่ายไม่ได้ คนที่เสียใจที่สุดก็คือคนที่เรารัก...ไม่ใช่หรือ

            “สมแล้วที่กำลังจะแต่งงาน” ซีวอนว่าด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ เก็บความรู้สึกผิดที่ทับถมในใจไว้ก่อน เพราะยังไงพรุ่งนี้เขาก็คงอยากเอ่ยปากเรื่องนี้กับซินทีหลัง

            อยากขอโทษที่เคยทำให้เสียน้ำตาขนาดนั้น

            คำตอบที่ทำให้คยูฮยอนโคลงหัวเพียงนิด ก่อนที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะปรากฏที่ริมฝีปากได้รูป มือใหญ่ก็แกว่งแก้วในมือเบาๆ พลางนึกถึงกระต่ายตัวน้อยของเขา

            “หึๆ มันก็ใช่ แต่พี่รู้จักกระต่ายผมน้อยไป ถ้าผมฉุด กระต่ายผมคงอาละวาดบ้านแตกเลยล่ะ น้ำตาคงไม่ไหล แต่เลือดหัวผมอาจจะไหลแทน” คยูฮยอนว่าง่ายๆ ที่ทำให้คิบอมเลิกคิ้วนิด

            “ทำเหมือนตอนนี้นายคุมกระต่ายไม่อยู่” ประธานคิมแซวหน้าตาย ใบหน้าคมคายนิ่งสนิทยามที่เอ่ยเรื่องนี้ แต่ทำให้คนฟังหัวเราะอย่างชอบใจ

            “มันก็ต้องมีเคล็ดลับปราบกระต่ายพยศกันบ้าง หึๆ ผมไม่เหมือนไอ้เย่นี่ ยื่นหน้าให้เขาตบแล้วหัวเราะชอบใจ” คยูฮยอนว่าแล้วก็โยนให้เพื่อนที่กำลังรินเหล้าเติมให้พี่ๆ และเพื่อนอยู่ ซึ่งซาลาเปาหน้าด้านก็เงยหน้าขึ้นแล้วบอกเต็มปากเต็มคำ และท่าทาง...จะภูมิใจเสียมาก

            “ก็ถ้าโดนตบก็ได้ กด นี่หว่า คุ้มจะตาย” คำที่หากเรียวอุคได้ยินคงระดมตบลงบนแก้มอูมๆ นี่เสียให้หน้าชาแล้วตะโกนว่า...จะกดก็กด ขอแค่อย่าบังอาจใช้ยาให้เสียเชิงก็พอ

            คำตอบที่เรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคน หลังจากที่ไม่ได้มาดื่มกันพร้อมหน้าพร้อมตาขนาดนี้เสียนาน และเหมือนว่าเสียงสรวลเสเฮฮาของหนุ่มหล่อทุกคนจะเรียกสายตาของสาวๆ จากด้านล่างให้เงยขึ้นมามองอย่างสนอกสนใจ อีกทั้งยังพยายามส่งสายตาเชิญชวนเสียเต็มที่

            ก็แหม หนุ่มๆ กลุ่มนี้เป็นใคร ทุกคนก็รู้กันอยู่

            “เฮ้ย พี่ฮัน พี่เป็นอะไรหรือเปล่า นั่งเงียบมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” แต่แล้ว คยูฮยอนก็หันมาสนใจรุ่นพี่ที่สนิทสนมกันดีมาตั้งแต่เด็กอย่างฮันคยอง ซึ่งทำให้มาเฟียหนุ่มที่นั่งเงียบๆ แล้วเพียงยกมุมปากขึ้นนิดกับเรื่องตลกในวงเหล้าให้หันไปมอง แล้วเหมือนว่าคำถามนี้จะทำให้ทุกสายตาหันมาจับจ้องเว้นเพียงแค่คิบอมคนเดียว

            “...” ฮันคยองยังคงเงียบ สีหน้าดูเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง มือใหญ่ก็ยกแก้วขึ้นจิบช้าๆ

            หน้าตาท่าทางที่ทำให้ทั้งกลุ่มเงียบเสียงลง แล้วเลือกจะหันไปมองคนที่น่าจะตอบคำถามแทนได้...คิบอม

            “น่าจะเรื่องพ่อแม่ของฮยอกแจ” คำถามจากสายตาทุกคู่ทำให้คิบอมบอกเรียบๆ แล้วหันไปมองเพื่อนสนิทที่ยังมีสีหน้าเครียดๆ แต่ไม่ปฏิเสธว่าเรื่องนี้ และเหมือนว่าเพียงประโยคสั้นๆ เมื่อครู่จะทำให้หลายคนพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้

            “เรื่องที่พ่อดงแฮบอกว่านายไม่เคยเห็นหัวพ่อฮยอกแจน่ะหรือ” ซีวอนหรี่ตาลงนิด พลางนึกถึงประโยคที่ทำให้ทุกคนนิ่งงันมาแล้วเมื่อช่วงเย็น และเหมือนว่าคำถามนี้จะทำให้มาเฟียหนุ่มตาวาววับขึ้นมาทันที

            “ถ้าฉันไม่เห็นหัว ฉันคงไม่พยายามทำตัวดีๆ แบบที่ไม่ใช่ตัวของตัวเองแบบทุกวันนี้หรอก” ฮันคยองเอ่ยปากออกมาจนได้ เขายอมรับว่าคำพูดของมุนฮวามีผลต่อเขาไม่น้อย ตลอดมาไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าพ่อแม่ฮยอกแจกลัวเขามากแค่ไหน แต่ก็เห็นไม่ว่าอะไรยามที่เขาพาฮยอกแจไปไหน จนเผลอวางใจ

            วางใจว่าอย่างน้อยแม้จะยังไม่ได้สนิทสนมกันมากมาย แต่ฝ่ายนั้นก็ยอมรับการกระทำของเขา จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน

            คำพูดของลีมุนฮวายังดังก้องอยู่ในหัว

          ...ลูกเขยมันไม่เกรงใจ เดี๋ยวจะพาไปจีนก็ไป ทั้งที่ยังไม่ได้เอ่ยปากตอบตกลงสักคำ แถมไม่ค่อยยอมให้หนูฮยอกกลับไปค้างที่บ้าน...

            ฮันคยองได้แต่จิบเครื่องดื่มเงียบๆ อย่างใช้ความคิด ในเมื่อเรื่องนี้เขาไม่รู้เลย วันที่พาฮยอกแจไปจีน เขาก็ฝากฮยอกแจให้ไปบอกพ่อแม่ โดยไม่ได้ติดตามว่าฝ่ายนั้นจะว่ายังไงบ้าง เพราะคิดว่าน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าสักวันเขาต้องพาฮยอกแจไปจีน อีกทั้งกำหนดการนี้ยังเลื่อนมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ครั้งนี้ก็เลยเหมารวบว่าอนุญาตแล้วและเพิ่งรู้วันนี้ว่า...อีกฝ่ายก็อาจจะไม่พอใจอยู่ก็ได้

            “นายเปลี่ยนไปเยอะนะฮันคยอง” คังอินที่เฝ้ามองอยู่เอ่ยปากขึ้นมาง่ายๆ ซึ่งทำให้เจ้าของชื่อหันไปมองเพื่อนร่างสูงใหญ่ที่กำลังยกยิ้มอย่างอารมณ์ดี

            “ยังไง”

            “ก็ถ้าเป็นนายเมื่อสามปีก่อน ไม่มีทางมาเครียดเรื่องพวกนี้หรอก” คำพูดง่ายๆ ที่ทำให้ทั้งกลุ่มเงียบเสียงลง ก่อนที่รอยยิ้มจะยกขึ้นเพียงนิด

            นั่นสินะ ไม่เพียงแค่ฮันคยองหรอกที่เปลี่ยน ถ้าว่ากันตามจริง พวกเขาก็เปลี่ยนไปเยอะจากเมื่อสามปีก่อนทุกคน...ตั้งแต่มีคนพิเศษเข้ามาในหัวใจ

            เมื่อสามปีที่แล้ว พวกเขายังมานั่งจิบเหล้า คุยเรื่องการรวบหัวรวบหางเคะแห่งคหกรรมเป็นคนของตัวเองอยู่เลย มาวันนี้สิ พวกเขากำลังมานั่งดื่มเพราะต่างฝ่ายต่างถูกเมียไล่ให้ไปไกลๆ สิ่งที่หากเป็นพวกเขาเมื่อก่อนน่ะมีหรือที่จะยอม แต่วันนี้...กลับยอมทุกอย่าง

            “ถ้าบอกว่าใครปลี่ยนมากที่สุด ผมว่าพี่คิบอมว่ะ” อยู่ๆ เยซองก็เอ่ยโพล่งขึ้นมาพลางหันไปมองคนเย็นชาที่ยังก้มมองโทรศัพท์ในมือทุกครั้งที่มันสั่น จนคิบอมเลิกคิ้วขึ้นขึ้นนิด

            “เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่ไม่มีวันมีสายตาอบอุ่นแบบนี้ จนพวกผมยังเคยพูดเลยว่า อาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นพี่หัวเราะเต็มเสียงหรือยิ้มกว้างๆ เลยก็ได้” คยูฮยอนต่อคำเพื่อนทันที ซึ่งทำให้คนที่ถูกพูดถึงยกมุมปากขึ้นอย่างไม่คิดปฏิเสธ

            แน่ล่ะ เขายิ้มได้ หัวเราะได้ก็เพราะคนน่ารักที่ส่งข้อความมาบอกว่ากำลังคุยกับเพื่อนๆ อยู่ในห้อง

            “เพราะดงแฮ” คำตอบสั้นๆ ง่ายๆ จากปากเจ้าชายน้ำแข็งที่ทุกคนรู้อยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่แก้วในมือจะถูกยกขึ้นแล้วขยับขึ้นดื่ม เป็นสัญญาณให้ทุกคนทำเหมือนกัน

            “ไหนๆ วันนี้ก็ว่าง มาดวลกันหน่อยมั้ย” คังอินที่กระดกไปหมดแก้วแล้วเอ่ยปากขึ้นมา ซึ่งแต่ละคนก็รับคำ ในเมื่อช่วงหลังพวกเขาไม่ได้มีโอกาสมาดื่มกันพร้อมหน้าขนาดนี้ วันนี้ก็ควรเอาให้เต็มที่สินะ

            “เอาไว้ใกล้งานแต่ง พี่คิบอมอย่าลืมปาร์ตี้สละโสะนะเว้ย ผมจะหนีตัวเล็กมากินเหล้าด้วย” เยซองบอกอย่างอารมณ์ดีที่ทำให้เจ้าของงานในอนาคตอันใกล้พยักหน้ารับ

            แต่ก่อนที่หนุ่มๆ กลุ่มนี้จะพูดคุยอะไรกันต่อ พนักงานคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับกระดาษแผ่นเล็ก

            “นายครับ มีคนฝากมาให้” ชายหนุ่มในชุดพนักงานบอกพลางส่งกระดาษในมือที่มีขนาดแค่ฝ่ามือมาให้ฮันคยอง จากนั้นก็โค้งให้เสียต่ำ แล้วค่อยขยับถอยหลังไปเมื่อนายหันมารับกระดาษแผ่นที่ว่าแล้ว

            ท่าทางที่ทำให้ทั้งกลุ่มหันมามองอย่างสนใจ ขณะที่ฮันคยองก็คลี่กระดาษที่พับไว้ออกดู เพียงมองแวบเดียว ริมฝีปากได้รูปก็แสยะยิ้มขึ้นมา ใบหน้าคมคายก็ส่ายไปมาช้าๆ มือใหญ่ขยำกระดาษแล้วโยนไปหารุ่นน้องทั้งสองทันที

            “ไร้สาระ” มาเฟียหนุ่มบอกเรียบๆ ขณะที่เยซองรับกระดาษแผ่นนั้นได้พอดิบพอดี มือใหญ่ก็คลี่มันออกดูอีกครั้ง ก่อนที่จะหัวเราะออกมาเมื่อรู้มามันเป็นอะไร

            เบอร์โทรยาวเหยียดหลายๆ เบอร์และรอยลิปสติกที่ประทับอยู่ตรงส่วนท้ายของแผ่นกระดาษ

            จากนั้น ซาลาเปารูปหล่อก็หันมองไปยังส่วนชั้นล่าง เพียงกวาดสายตามองไม่กี่ที เขาก็สบสายตากับสาวสวยกลุ่มใหญ่ที่เงยหน้าขึ้นมามองพวกเขา ทั้งยังชูแก้วขึ้นอย่างเชิญชวน รูปร่างสวยๆ ในชุดรัดรึงก็ขยับส่ายน้อยไปตามเพลงเหมือนยั่วยวนให้ชายหนุ่มลงไปสนุกด้วยกัน


            “ก็สวยดีนะ” คยูฮยอนที่หันไปมองตามสายตาเพื่อนแล้วพอจะเดาออกว่ากระดาษแผ่นนั้นมีอะไร เสียงทุ้มว่าง่ายๆ ก่อนจะต่อประโยคที่ถ้าสาวๆ กลุ่มนั้นมาได้ยินคงอยากจะดิ้นตาย

            “แต่สู้กระต่ายกูไม่ได้สักคนนิดเดียว” ว่าจบ คยูฮยอนก็กลับไปนั่งตัวตรง พูดคุยกับคังอินและซีวอนไม่คิดจะเหลือบสายตามองไปยังชั้นล่างเลยสักนิด อย่างที่รู้กันดีว่า...จะสวยแค่ไหนก็สู้เมียพวกเขาไม่ได้หรอก

            ขณะที่เยซองเพียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ มือใหญ่ก็ยกแก้วขึ้นทำนองเล่นด้วย จากนั้นชายหนุ่มก็ดึงปากกาที่เหน็บเอาไว้ตรงกระเป๋าเสื้อขึ้นมา พลิกกระดาษไปด้านหลังแล้วลงมือเขียนไม่กี่คำ

            “ส่งให้ผู้หญิงข้างล่างหน่อย” เยซองหันไปหาคนที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ ก่อนจะหันกลับมาสนใจเครื่องดื่มของตัวเองต่อไป ริมฝีปากได้รูปก็ขยับเป็นรอยยิ้มที่ฉายชัดถึงความสนุก แต่ดวงตาก็เหล่มองสาวๆ กลุ่มนั้นที่กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่เมื่อบริกรคนนั้นส่งกระดาษแผ่นเดิมให้

            แต่ก็เพียงพักเดียว

            “กรี๊ดดดดดดดดด”

            เสียงกรีดร้องของคนที่อ่านคนแรกดังขึ้นมาที่ชั้นสองให้เยซองหัวเราะลั่นอย่างชอบใจ ในเมื่อเขาเขียนลงไปว่า...

                        จุ๊ๆๆ ทำตัวแบบนี้แม่ไม่ว่าหรือครับ

            เยซองคิดอย่างขำๆ ในเมื่อแต่ละคนถ้ากะจากสายตาไม่น่าเกินวัยม.ปลาย อย่างนี้จะไม่ให้เขาตอบไปแบบนี้ได้ยังไง อีกทั้งยังไม่รู้น่ะสิว่าสมัยก่อนที่พวกเขายังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน ถ้าถูกใจใคร...จะลงไปหาเอง ไม่ใช่ให้อ่อยถึงที่

            ส่วนตอนนี้น่ะหรือ...มีของดีอยู่ที่บ้านจะมาหาความซวยใส่หัวตัวเองทำไม

            “โอ๊ย วันนี้มันอะไรเนี่ย ทำไมเสียงกรี๊ดมันดังจังเลย” แต่แล้ว เสียงใสของของหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างหงุดหงิดหน่อยๆ ที่ทำให้สายตาหลายคู่หันไปมองตามเสียง แล้วก็พบคนคุ้นหน้าคุ้นตากันดีหลายคนโผล่เข้ามาจนต้องเอ่ยทักทาย

            “ไง ชินดง มาถูกเวลาพอดีเลย สวัสดีครับสาวๆ” ซีวอนเอ่ยทักทายรุ่นน้องร่างใหญ่ที่ก้าวนำเข้ามาพร้อมกับแฟนสาวอย่างซันนี่ ขณะที่ด้านหลังมีแทยอนและยูริที่กำลังเอามืออุดหูกันอยู่ ทั้งยังบ่นมาด้วยตลอดทาง

            แล้วเหมือนว่าทั้งสี่ก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าจะเจอหนุ่มๆ กลุ่มนี้เอาเวลานี้

            “เฮ้ย แปลกใจนะเนี่ย ทำไมวันนี้มานี่ได้” ชินดงถามอย่างนึกไม่ถึง ในเมื่อการเจอคนทั้งกลุ่มในเวลาเดียกันน่ะมันยากแสนยาก ซึ่งเหมือนคำถามนี้จะเรียกอาการเซ็งๆ จากคนฟังได้อย่างดี
           
            “โดนเมียทิ้งว่ะ” คยูฮยอนตอบคำเพื่อนที่นิ่งไปครู่ ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง แต่ทำให้ยูริและแทยอนถึงกับตาหูวาวขึ้นมาทันที

          อ้าว อะไร ทิ้งอะไรกัน กว่าจะทำให้รักกันได้ทุกคู่นี่พวกเธอแทบลากเลือดเลยนะ

            “พี่คิบอม เกิดอะไรขึ้นน่ะ” แทยอนรีบขยับไปหาคนเป็นพี่ชายทันที มือเรียวก็คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนแกร่งแล้วเขย่าเบาๆ อย่างที่หากเป็นเมื่อหลายปีก่อน คุณหนูคนสวยสาบานได้ว่าไม่เค๊ยไม่เคยคิดจะทำมันเลยล่ะ 

          แหม เมื่อก่อนพี่คิบอมดุจะตาย เจอสายตาดุๆ ทีก็หนีแทบไม่ทันนี่นะ

            “ไม่มีอะไร วันนี้พวกดงแฮไปค้างด้วยกันที่บ้านน่ะ”

            “อ้อ ปาร์ตี้ของสาวๆ น่ะหรือ” แล้วก็เป็นยูริที่โพล่งขึ้นมาทันทีพลางพยักหน้าหงึกหงัก ร่างเพรียวก็ขยับไปนั่งข้างบรรดาพี่ๆ ที่เธอสุดแสนจะรักขาดจิตบาดใจเลย (แน่ล่ะ ทุกวันนี้บรรณาการกระเป๋ายังถูกส่งมาเรื่อยๆ นี่นะ)

            “พี่ยูล อะไรคือปาร์ตี้ของสาวๆ” ซันนี่ถามอย่างแปลกใจ ยามที่ถูกดึงไปนั่งข้างชินดง ร่างเล็กก็ขยับเอนซบไหล่แฟนหนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำ ซึ่งคำถามนี้ทำให้คนที่อยู่กับพวกสาวๆ มานานหัวเราะคิก

            “คืองี้นะซันนี่ เมื่อก่อนน่ะพวกพี่ซินจะชอบมีปาร์ตี้กันบ่อยๆ เป็นงานเล็กๆ ที่นึกอยากทำอะไรกินกันก็ไปน่ะ หอพี่ซินนี่เป็นศูนย์กลางเลยนะ รองมาก็เป็นบ้านด๊องพี่ยังไปหิ้วท้องไปกินด้วยบ่อยๆ ฮ้า นึกแล้วก็อยากกินบาบีคิวฝีมือพี่ซินอ่ะ ไม่ได้กินมาตั้งกะปีสองปีสามแล้วนะเนี่ย” ยูริเล่าอย่างแสนเสียดาย ถ้าวันนี้เธอรู้นะ คงแอบไปร่วมด้วยอีกคนแล้วล่ะ แต่ว่ากันอีกที เธอก็ไม่เคยค้างหรอก ไปกินแล้วชิ่งหนีกลับก่อนทุกที

            “แต่มันก็นานแล้วนะ ว่าแต่ ทำไมวันนี้พวกพี่ถึงยอมล่ะ” ยูริถามต่ออย่างนึกขึ้นได้ ก่อนที่ทุกคนจะหันมองหน้ากัน แล้วก็เป็นซีวอนที่ยอมเป็นคนเอ่ยปากเล่าเรื่องตั้งแต่ที่เมียหายไปจนพบว่าเมียหนีไปอยู่บ้านของดงแฮกันหมด

            เรื่องที่ทำเอาสาวๆ หัวเราะคิก

            “อ้อ พวกพี่ก็เลยต้องมาอยู่กันที่นี่แทนหรือคะ น่าสงสารนะเนี่ย” แทยอนว่าอย่างขำๆ ที่ทำเอาคังอินยกมือขึ้นขยี้หัวน้องเพื่อนอย่างเอ็นดู

            “พี่ชินดง ทานนะคะ พี่ยังไม่ได้ทานอะไรเลยนี่นา” แต่ขณะที่ทุกคนกำลังเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ ก็มีหนึ่งคู่ถ้วนที่หวานไม่สนใจใคร เมื่อสาวน้อยซันนี่กำลังป้อนขนมให้กับคนรักอย่างน่ารัก ส่วนชินดงก็อ้าปากรับอย่างรู้งาน มือใหญ่ก็ลูบเส้นผมนุ่มของสาวน้อยอย่างเอ็นดู

            ท่าทางหวานแบบไม่สนว่ามีบรรดาคนไร้คู่ทั้งหลายรวมตัวกันอยู่ทำเอาคยูฮยอนกระแอมอย่างอดไม่ได้
           
            “นิดนึงนะเพื่อน กูหมั่นไส้ว่ะ”

            “พี่คยูอดีตเทพบุตรในใจซันนี่ก็ไปให้พี่มินมินป้อนสิคะ”

            ฉึก

            สิ้นคำของคยูฮยอน ซันนี่ก็โต้กลับทันควันที่ทำเอาหมาป่าเจ้าเล่ห์ชะงักกึก มองสาวน้อยที่ทำตาใสมองเขาอยู่ เมื่อก่อนล่ะหน้าแดงอายม้วนต่อหน้าเขา แต่เมื่อค้นพบแล้วว่ารักใคร สาวน้อยพลังงานล้นเหลือก็ตอกหน้าได้เจ็บสุดๆ

            “อูย ซันนี่ล้อเล่นค่ะ อย่าทำหน้าเหมือนจะฆ่ากันสิ” สาวน้อยรีบร้องบอกทันควัน แล้วซุกหน้าเข้ากับอกแฟนหนุ่มอีกหน่อย เพิ่มระดับความอิจฉาของคนไม่มีเมียให้กอดขึ้นมาอีกหนึ่งเลเวล

            ภาพที่ทำให้เยซองนิ่งไปนิด ก่อนที่ดวงตาคู่คมจะวาววับราวกับคิดอะไรออก มือใหญ่ก็กวักมือเรียกน้องสาวของกลุ่มอย่างแทยอนเบาๆ

            “แทแท มาหาพี่หน่อยสิ มีเรื่องให้ช่วย” หญิงสาไวด้แต่ก้าวเข้าไปหาอย่างว่าง่าย ทั้งที่ดวงตาคู่สวยฉายแววงุนงง จนกระทั่งเข้าไปใกล้รัศมีของคนตัวโต

            หมับ

            “!!!” เยซองคว้าเข้าที่ข้อมือเล็กของน้องสาวแล้วดึงทีเดียว ร่างบอบบางก็ถลาเข้าไปนั่งอยู่บนตักกว้างทันที โดยมีสายตาหลายคู่มองอย่างไม่เชื่อสายตา โดยเฉพาะคนโดนดึง ในเมื่อเธอไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วนี่นะ อยู่ๆ ถูกดึงเข้าไปกอด แถมยังกดหน้าลงบนซอกคอแกร่งอย่างนี้ ใครมันจะไม่ช็อก

            “เยซอง” คิบอมเรียกเสียงหนักที่ทำให้รุ่นน้องยกยิ้มเข้าสู้ แล้วถามขึ้นมาทันที

            “พี่อย่าเพิ่งคิดอะไรมากกว่านั้น ผมมีตัวเล็กอยู่แล้ว ผมแค่จะถามว่า ถ้าใครมาเห็นท่านี้จะเข้าใจผิดหรือเปล่า" เยซองถามง่ายๆ ที่ทำให้หลายคนเริ่มเดาออก ซึ่งคยูฮยอนก็เอ่ยเตือนขึ้นมาก่อน

            “คิดให้ดีนะไอ้เย่ ตัวเล็กของมึงอาจจะบีบคอมึงยัดท่อก็ได้”

            “กูแค่เอาคืนเรื่องวันนี้เอง ขำๆ ว่ะเพื่อน หึๆ เชื่อกูสิ โวยวายไปโวยวายมา พรุ่งนี้ตัวเล็กได้นอนครางใต้ร่างกูแน่” เยซองบอกแผนการชั่วๆ ของตัวเองมาทันที รับรองเลยว่าถ้าเรียวอุคเห็นเขาอยู่กลางผับ มีสาวสวยซุกซอกคอแบบนี้ รับรองเต้นเร่าๆ วิ่งกลับห้องมาแทบไม่ทันเลยล่ะ

            “พี่เย่ พี่จะทำอะไรเนี่ย เดี๋ยวแทคเข้าใจผิด” แทยอนที่ถูกกดให้ใบหน้าอยู่กับคออีกฝ่ายร้องประท้วง ซึ่งหนุ่มหล่อก็ตอบกลับ

            “ถ่ายรูปนิดนึงแทแท เดี๋ยวส่งให้ตัวเล็กดู พี่อยากเห็นพรุ่งนี้ตัวเล็กเต้นน่ะ เอ้า ยูริ มือถือพี่ เอาให้ได้มุม ไม่เห็นหน้าแทยอนนะ” ว่าแล้ว ซาลาเปารูปหล่อก็ส่งมือถือให้น้องสาวอีกคนที่ถึงกับหัวเราะคิกอย่างชอบใจ ถ่ายภาพให้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เยซองจะปล่อยให้แทยอนลุกขึ้น

            “ระวังเถอะว่ะไอ้เย่ ชีวิตมึงจะไม่มีเหลือกลับมาแดกเหล้ากับพวกกู” คังอินว่าหน่ายๆ กับไอ้รุ่นน้องที่เล่นไม่เลือกสถานการณ์ แต่ทำให้คนฟังเพียงหัวเราะขำ มองภาพตัวเองที่กำลังกอดสาวสวยในโทรศัพท์อย่างถูกใจ จากนั้นก็ยักไหล่เพียงนิด

            “ผมถึงให้แทยอนช่วยไงพี่ ถ้าตัวเล็กเอาถึงตายขึ้นมาจะได้บอกว่านี่มันแทยอน แถมมีพยานอีกเพียบ” ท่าทางชอบใจของเยซองที่ทุกคนได้แต่ปล่อยเลยตามเลย มองคนที่กำลังกดส่งภาพถ่ายเข้าโทรศัพท์ของคนรักตัวเล็ก รู้อยู่แล้วล่ะว่ายังไงตอนนี้ก็คงไม่เห็น ในเมื่อโทรศัพท์ถูกยึดไปแล้ว

            แต่รับรองเลยว่าเขามั่นใจเกินร้อย...พรุ่งนี้ ตัวเล็กกลับบ้านก่อนคนอื่นชัวร์ หึๆ

            การเล่นสนุกของคู่รักโรคจิตประจำกลุ่มทำให้คนอื่นเพียงส่ายหน้าหน่ายๆ โดยเฉพาะคยูฮยอนที่ไม่คิดเล่นเรื่องหึงอีกแน่ เจอกระต่ายตลบหลังมาทีนึง ทำเอาขยาดเรื่องนี้ไปเลย

            ภาพความสนุกสนานและเสียงหัวเราะกับคนทั้งกลุ่มที่กำลังดื่มกินอย่างที่ไม่ได้ทำมานาน ทำให้ชายหนุ่มสองคนที่มองเงียบๆ เพียงยกมุมปากขึ้น

            ฟึ่บ

            “ถ้ามึงอยากโทรหาฮยอกแจ” ฮันคยองเพียงเลิกคิ้วขึ้น เมื่อเพื่อนส่งโทรศัพท์มาพร้อมกับหน้าจอที่มีเบอร์หนึ่งปรากฏอยู่ ซึ่งทำให้มาเฟียหนุ่มมองเพียงครู่ แล้วก็ตัดสินใจส่ายหน้าช้าๆ จากนั้นรอยยิ้มที่ฮยอกแจกลัวแสนกลัวก็ปรากฏบนใบหน้า

            “ฮึ ไม่ล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยจับมารับโทษทีเดียว” คำตอบที่คิบอมก็คิดเหมือนกัน

            “นั่นสินะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”

            นั่นสินะ วันนี้ปล่อยไปก่อน แต่ถ้าพรุ่งนี้ ก็ถึงตาของพวกเขาเอาคืนบ้างล่ะ และท่าทางว่าแต่ละคน...จะเล่นให้หมดแรงเลยเชียวล่ะ โทษฐาน...ปล่อยให้นอนกอดหมอนข้างคนเดียว


...................................................