Special_2
สำคัญที่สุด
ในเวลายามเย็นที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า
แสงสีทองระเรื่อจางก็อาบไล้ไปทั่วเรือนร่างบอบบางของคนที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่กลางสวนกลางบ้านที่เงียบสงบ
แสงที่ยิ่งขับให้ผิวขาวผ่องเป็นประกายพราวระยับ อีกทั้งยังทำให้ใบหน้าเรียวสวยที่กำลังแย้มยิ้มน้อยๆ
ดูงดงามจับตาจนไม่ว่าสาวใช้ หรือบรรดาคนหน้าเหี้ยมในอาณาบริเวณมองตามไม่ละสายตา
ก็นายหญิงเล่นสวยขนาดนี้นี่นะ
ไม่ต่างจากมาเฟียรูปหล่อที่กำลังยืนพิงเสามองมาจากห้องทำงานหรูที่เปิดกว้างให้เห็นสวนสวยสำหรับผ่อนคลายสายตาจากการทำงาน
ขวับ
แต่แล้ว นัยน์ตาคมที่แสนโหดเหี้ยมก็ตวัดไปมองลูกน้องหน้าโหดในห้องขวับ
เมื่อสัมผัสได้ว่าไม่ใช่มีเพียงเขาที่มอง แต่ไอ้พวกนี้...ก็มองไม่ต่างกัน
เอื้อก
ทันทีที่สายตาเหมือนฆ่าคนได้ของฮันคยองหันมามอง
ทุกคนที่ลอบมองของสวยๆ งามๆ ก็หลบสายตา ก้มลงมองเพียงมือที่ประสานกันตรงหน้าตักอย่างพร้อมเพรียง
ใครจะยอมเอาชีวิตไปเสี่ยงล่ะ
“เมื่อกี้พวกมึงมองอะไร” คำถามเรียบๆ
ทั้งที่ฮันคยองยังคงจับจ้องไปยังคนตัวเล็กที่กำลังคุยโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้ม
ขาเรียวก็ก้าวไปบนสนามหญ้าไปเรื่อยๆ
อย่างไม่รับรู้เลยว่าใครต่อใครกำลังทอดสายตามองอยู่
“ปะ...เปล่าครับนาย”
เหล่าบรรดาชายฉกรรจ์ที่ไม่ว่าไปที่ไหนก็มีแต่คนหลีกทางให้ (เพราะหน้าตาน่ากลัวล้วนๆ)
ตอบคำเสียงสั่นอย่างไม่กล้าตอบตามความจริงเท่าไหร่ จนฮันคยองหัวเราะหึๆ ในลำคอ
เสียงหัวเราะที่ทำให้คนฟังทั้งหลายอดจะสะดุ้งน้อยๆ
ไม่ได้ ในเมื่อไม่รู้ว่าตกลงพวกเขาทำให้นายไม่พอใจจนอยากควักลูกตาออกมาหรือเปล่าเนี่ยสิ
“ถ้ามองเขาในฐานะนายหญิงก็มองไป
เคารพเขา ให้เกียรติเขา ปกป้องเขา เหมือนที่แสดงออกกับฉัน
อย่ามองว่าเมียฉันเป็นแค่ใครไม่รู้ที่ฉันคว้ามาอยู่ข้างๆ...ฮยอกแจมีค่าที่สุดสำหรับฉัน...”
ฮันคยองบอกเสียงเข้ม แต่นัยน์ตาคมที่ทอดมองร่างบอบบางกลับอ่อนแสงลงจนบรรดาลูกน้องคนสนิททั้งหลายเงยหน้ามองผู้เป็นนาย
รับรู้ได้เหมือนกันว่า...
นายรักนายหญิงมากที่สุด
เสียงทุ้มที่กำชับอย่างดิบดีว่าให้ดูแลฮยอกแจไม่ต่างจากตัวเองแสดงออกชัดเจนแล้วว่าฮันคยองให้นายหญิงเป็นดั่งเจ้านายของพวกเขาอีกคน
ไม่ใช่ฐานะต่ำต้อยกว่า แต่เท่าเทียมกับนายทุกอย่าง
“ครับนาย
เราจะปกป้องนายหญิงไม่ต่างจากนาย”
เสียงของผู้ชายร่างสูงใหญ่บอกอย่างหนักแน่นที่ทำให้คนฟังยกมุมปากขึ้น
ได้ยินเสียงคนสนิทที่เขาไว้ใจให้คุมที่นี่ตอบรับอย่างพร้อมเพรียงอย่างพอใจ แต่แล้ว
เสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
และเป็นอีกครั้งที่ทำให้คนฟังเสียวสันหลังวาบ
“...แต่ถ้ามีใครคิดจะแตะต้องเมียฉัน มีใครมองเมียฉันเกินกว่าหน้าที่...มั่นใจเอาไว้ว่าฉันจะทำให้มันไม่มีวันทำหรือคิดได้อีกต่อไป!”
เสียงทุ้มที่ดังอย่างโหดเหี้ยมแบบที่ลูกน้องได้ยินได้ฟังเป็นประจำ
และรู้ดีว่านายเอาจริงทำเอาหลายคนกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอแล้วรับคำอย่างหนักแน่น
เริ่มไม่ไว้ใจสายตาตัวเองว่ามองนายหญิงอย่างเคารพ หรือเผลอคิดเรื่องอย่างว่ากันแน่
แต่ทุกอย่างที่เจ้านายหนุ่มเอ่ยออกมา
ทำให้ทุกคนรู้อย่างหนึ่ง...เหนือสิ่งอื่นใดสำหรับเจ้านาย...คือนายหญิง
และทำให้พวกเขารู้อีกอย่าง...นายโคตรหวงเมียเลยล่ะ
จะว่าไปนายก็...ไม่ต่างจากนายใหญ่พวกเขาเท่าไหร่นักหรอก
ความคิดของบรรดาลูกน้องที่สบสายตากันแวบหนึ่ง
ยามที่ฮันคยองยังคงมองร่างบอบบางตรงหน้านิ่ง
มองลูกไก่ตัวน้อยที่ยามนี้กลับกลายเป็นหงส์แสนสวยที่ยืนอยู่เคียงข้างเขา
สำหรับเขา
ฮยอกแจมีค่าที่สุด...เหนือสิ่งอื่นใด
........................................................
ในขณะเดียวกัน
ลูกไก่ตัวน้อยที่ไม่รู้เลยว่ากำลังตกเป็นเสายตาของใครต่อใครก็กำลังหลุดเสียงหัวเราะออกมา
เมื่อได้ยินเสียงปลายสายดังเจื้อยแจ้วไม่ได้ขาด เสียงหวานๆ
ของเพื่อนสนิทที่โทรมาเล่าเรื่องพ่อมุนฮวาทะเลาะกับพี่คิบอมอีกแล้ว
“แล้วนายทำยังไงล่ะ”
“ด๊องไม่รู้อ่ะฮยอก ด๊องก็ตามใจพ่อ
ตามใจพี่คิบอม...ถ้าพี่คิบอมยอม ด๊องกลับมานอนบ้านสัปดาห์ละครั้งก็ได้”
ปลาน้อยหน้าหวานบอกเบาๆ พลางยู่ปากน้อยๆ
เล่าถึงเรื่องที่คุณพ่อสุดที่รักพยายามตกลงกับพี่คิบอมว่าหลังจากแต่งงานแล้วให้เขากลับมานอนบ้านสักสัปดาห์ละครั้งได้หรือเปล่า
แต่พี่คิบอมไม่ยอม ตอนนี้ก็เลย...ยังตกลงกันไม่ได้
คำตอบที่ฮยอกแจยิ้มแหยๆ
นึกถึงสงครามลูกเขยกับพ่อตาที่เหมือนจะจบ แต่ก็ยังไม่จบสนิทเสียที
แล้วดูคนกลางสิ...รู้มั้ยนั่นว่าตอบว่ายังไงก็ได้ ไม่ตัดสินสักที
เรื่องก็ยังไม่จบน่ะสิ
“แล้วฮยอกล่ะเป็นยังไงบ้าง
ด๊องคิดถึงฮยอกจังเลย ไม่เจอกันมาเกือบเดือนแล้วนะ”
ดงแฮที่อยู่อีกฟากของประเทศถามเสียงใส จนคนทางนี้เอียงคอน้อยๆ แล้วยิ้มแห้งๆ
“ก็...ไม่มีอะไรมากหรอก
แต่ม่าม๊าเพ่ยอิงพาไปหลายๆ ที่น่ะ ยังไงฉันก็กลับไปทันงานแต่งนายแน่ๆ”
ลูกไก่ตัวน้อยบอกเบาๆ ทั้งที่มันก็ไม่เชิงว่าไม่มีอะไร
แม้ว่าเขาจะเรียนภาษาจีนมาหลายปีตั้งแต่เป็นแฟนกับพี่ฮัน
แต่ว่ามันก็ใช่ว่าจะใช้คล่อง แถมพอมาอยู่ที่นี่ เจอพ่นภาษาจีนใส่
เขาถึงกับเอ๋อแดกไปเลย ได้แต่พยายามยิ้มแล้วก็โค้งให้
ยิ่งเมื่อวานที่ม่าม๊าพาไปสมาคมอะไรสักอย่างเนี่ยล่ะ เขาเกือบจะห่อไหล่ ยิ้มแห้งๆ
ทำอะไรไม่ถูก
ในเมื่อม่าม๊าแนะนำว่าเขาเนี่ยล่ะนายหญิงคนต่อไป
เป็นลูกสะใภ้ของม่าม๊า ใครต่อใครไม่รู้พยายามเข้ามาคุยกับเขาเพียบเลย
บ้างก็มองด้วยสายตาแปลกๆ แถมพี่ฮันยังถูกห้ามไม่ให้ไปด้วย
จนกังวลเสียจนกลับมาร้องไห้ แล้วคนที่ปลอบเขาก็ไม่ใช่ใคร...มาเฟียมาดโหดนั่นล่ะ
ถ้าไม่ใช่เพราะหัวใจเขารักพี่ฮันมาก...มากจนขาดพี่ฮันไม่ได้ล่ะก็
เขาได้หาเที่ยวบินกลับเกาหลีตั้งแต่วันแรกที่มาถึงไปแล้ว
“ฮยอกต้องกลับมาทันนะ
ฮยอกเป็นเพื่อนเจ้าสาวนี่นา”
ดงแฮยังคงตอบโต้มาด้วยเสียงร่าเริงที่ทำให้คนฟังยิ้มออก แล้วแก้มใสก็ต้องแดงเรื่อเมื่อเพื่อนสนิทเอ่ยต่อ
“แล้วด๊องก็เป็นเพื่อนเจ้าสาวของฮยอก
เนอะ” แล้วคนเนอะก็ไม่ทีทางรู้เลยว่าแก้มใสๆ ของคนฟังถึงกับแดงก่ำ
ก้มหน้างุดลงทันที
“ไม่รู้ ฉันจะวางแล้ว
ที่นี่ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว เท่านี้นะ”
ฮยอกแจรีบบอกวางสายก่อนที่เจ้าเพื่อนความรู้สึกช้าจะเอ่ยอะไรให้เขาอายอีก
แล้วเจ้าตัวน่ะหรือ...ไม่รู้หรอกว่าทำให้คนฟังอายแค่ไหน
เรื่องเดียวที่ดงแฮรู้คงจะเป็นเรื่องของพี่คิบอมนั่นล่ะ
คนตัวเล็กวางโทรศัพท์ไปแล้ว
นัยน์ตาเรียวสวยเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่กำลังจะมืดในอีกไม่กี่นาทีนี้แล้วอดจะอมยิ้มไม่ได้
ถ้าเขามาที่นี่เพียงคนเดียว ท้องฟ้าที่กำลังมืดอย่างนี้คงน่ากลัวไม่น้อย
ยิ่งยามที่ยืนอยู่กลางคฤหาสน์ที่ตกแต่งคล้ายพระราชวังจีนเช่นนี้แล้วด้วย
แต่เพราะสถานที่นี้มีใครคนหนึ่งต่างหากที่ทำให้เขาฮึดสู้
เขาจะพยายามไม่ทำตัวเป็นลูกไก่ขี้กลัวอีกแล้ว
ความคิดของคนตัวเล็กที่กอดโทรศัพท์ก้าวเข้ามาในตัวอาคารอีกครั้ง
ร่างบอบบางที่อยู่ในชุดเสื้อกี่เพ้าแขนกุดสีเข้มกับกางเกงสีเดียวกันอย่างเคยชินกับมันมากแล้วก็ก้าวอย่างไม่เร่งรีบ
เดินไปตามมุมเสาต้นใหญ่อย่างไม่อยากออกไปเดินตรงกลางทางเดินมากนัก
ก็เจอใคร
ใครก็โค้งให้เขาเสียต่ำตลอดเลยนี่นา
“...ฮยอกแจ...”
หืม
แต่ก่อนที่จะเดินเลี้ยวมุมตึกเพื่อก้าวไปหาพี่ฮันที่ห้องทำงาน
เขาก็ดันได้ยินชื่อของเขาขึ้นมาเสียก่อน
แล้วเสียงที่ไม่คุ้นเคยประสานไปกับภาษาจีนก็ทำให้ร่างเล็กชะงักนิ่ง
เริ่มลังเลว่าคนอีกด้านกำลังพูดถึงเขาอยู่หรือเปล่า
แล้วเขาควรปรากฏตัวออกไปหรือไม่
“ชู่ว อย่าพูดเรื่องนายหญิงฮยอกแจเด็ดขาดเลยนะ...”
เสียงกระซิบกระซาบที่คนตัวเล็กพอจะจับใจความได้
เริ่มทำให้เรียวปากสีสดเม้มเข้าหากันน้อยๆ
เริ่มจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นสาวใช้สักคนสองคนที่คุยกันอยู่ตรงนั้น
“ฉันไม่ได้นินทาหรือว่าอะไรสักหน่อย
ฉันแค่สงสัยเองว่านายจะแต่งกับนายหญิงจริงหรือ”
ประโยคที่ฮยอกแจยิ่งกัดริมฝีปากจนเจ็บ
“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ
นายรักนายหญิงจะตาย ยังไงก็แต่งอยู่แล้ว”
“อ้าว แล้วเรื่องทายาทล่ะ
ยังไงนายหญิงก็เป็นชายนะ”
กึก
ฮยอกแจถึงกับชะงักกึก
เมื่อได้ยินสิ่งที่ตนเคยนึกถึงบ้าง แต่ก็ปัดมันออกไปจากใจหลายครั้งจนได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง
หัวใจดวงน้อยหล่นวูบไปที่ตาตุ่ม น้ำตาหยดใสเอ่อคลอที่ดวงตาคู่สวย
แต่พยายามกลั้นมันให้ไหลย้อนกลับไป แล้วตัดสินใจว่าเขาทนฟังไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ตึก ตึก ตึก
ลูกไก่ตัวน้อยทำเป็นย่ำเท้าแรงๆ
จนเกิดเสียงแล้วร่างเล็กก็ทำเป็นว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เดินเลี้ยวมุมตึกออกมา
จนเห็นสาวใช้สองคนกำลังทำความสะอาดเครื่องเรือนไปด้วยสะดุ้งสุดตัว หน้าซีดเผือด
โค้งให้เขาทันที
“สวัสดีค่ะนายหญิง”
เสียงทักทายพร้อมกับการโค้งลงต่ำอย่างนอบน้อม ทำให้คนใจเสียพยายามฝืนยิ้มแล้วก้าวนำเลยออกไป
ทำเป็นไม่รับรู้เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกของคนด้านหลัง
นั่นสินะ
พี่ฮันจะคิดมากเรื่องนี้หรือเปล่า
คำถามที่เจ้าตัวได้แต่จนใจจะหาคำตอบจริงๆ
ดวงตาคาสวยมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วพบว่าฟ้ากำลังมืดมิดเหมือนหัวใจของเขาที่เริ่มเกิดความกลัว...พี่ฮันจะอยากมีลูกมั้ยนะ
................................................................
ฮันคยองกำลังขมวดคิ้วฉับทันที
เมื่อเห็นว่าลูกไก่ตัวน้อยข้างกายเงียบลงจนน่าแปลก
ทั้งที่ตลอดเดือนที่เขาขโมยลูกชาวบ้านมาอยู่ที่นี่ ฮยอกแจยิ้มแย้มมากขึ้น บนโต๊ะอาหารที่มีพ่อแม่รวมทั้งญาติหลายคนของเขาก็สนิทสนมจนพูดคุยกับใครต่อใครบ้าง
แต่วันนี้ฮยอกแจกลับเงียบ...เหมือนวันแรกที่มาที่นี่
เกิดอะไรขึ้น
หมับ
แล้วมาเฟียรูปหล่อก็ไม่ลังเลเลยที่จะยกมือขึ้นมาโอบรอบไหล่บอบบางแล้วดึงเข้าหาตัวอย่างไม่แคร์สายตาใคร
จนคนตัวเล็กเบิกตากว้าง
“พะ...พี่ฮัน...”
“อาเกิง หยุดรังแกน้องสักครึ่งชั่วโมงไม่ได้หรือไงเรา”
เพ่ยอิงหันมาเอ็ดลูกชายอย่างเห็นใจแก้มขาวๆ ที่แดงก่ำขึ้นมาทันตาของฮยอกแจ
ซึ่งคนเป็นลูกก็ยกยิ้มมุมปาก แล้วขยับมาจรดปลายจมูกที่แก้มใสแรงๆ
จนคนตัวเล็กตัวแข็งทื่อ
“ก็ผมรักของผม
ไม่รังแกคนนี้จะรังแกใคร”
“พะ...พี่ฮัน...อย่าฮะ คนเต็มเลย”
ฮยอกแจที่แก้มแดงตั้งแต่คำบอกรักได้แต่บอกเป็นภาษาเกาหลีเบาๆ
ซึ่งเหมือนจะทำให้ญาติพี่น้องถูกใจเสียจนเสียงแซวดังขึ้นไม่ขาด
ไหนจะเรื่องว่าตกลงจะแต่งเมื่อไหร่...รักกันจังเลยนะ...หลานสะใภ้น่ารัก
อะไรต่อมิอะไรที่ทำให้คนตัวเล็กยิ่งเขินจนก้มหน้างุด แต่ก็ไม่กล้าดิ้นหนีอ้อมกอดอุ่นๆ
ที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น มือเรียวได้แต่แตะมือใหญ่เบาๆ
“ปล่อยก่อนนะฮะ” เสียงร้องขอหวานๆ
ที่ทำให้คนตัวโตจ้องลึกเข้ามาในดวงตาคู่สวยแล้วพบว่ามัน...สั่นผิดปกติ
แต่เจ้าตัวก็ยอมปล่อยก่อนจะเอ่ยออกมาชัดเจน แต่ทำให้คนฟังนิ่งอึ้งไปทันที
“ก็ได้ แต่คืนนี้เธอต้องเล่าว่าเป็นอะไร”
“มะ...”
“แล้วถ้าบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร
ฉันจะทำให้เธอพูดออกมาให้ได้ หึๆ”
แล้วเสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์ของคนที่โน้มมากระซิบริมหูก็ชัดเจนเสียจนคนฟังก้มหน้างุด
งือ พี่ฮันทำทีไร
ไก่ได้นอนซมอยู่บนเตียงไม่ต้องไปไหนทุกที
............................................................
ในเวลานี้ลีฮยอกแจที่เจอทั้งคำพูดที่ทำให้กังวล
ทั้งเจอคำขู่ได้แต่ขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำ เพราะพอทานข้าวเสร็จปุ๊บ
เขาก็ผลุบหายเข้ามาในห้องน้ำปั๊บอย่างถ่วงเวลาเอาไว้สุดความสามารถ
ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
แม้จะมั่นใจในตัวพี่ฮัน
แต่บางทีเขาก็กลัวคำตอบของคำถามที่สงสัยนี่นา
คนตัวเล็กที่อยู่ในชุดนอนเนื้อนุ่ม
(ที่ไม่ใช่แบบกี่เพ้าเช่นทุกที)
เพราะว่าเขาเรียนรู้แล้วว่าชุดแบบจีนเหมือนจะทำให้คนตัวโตมีอารมณ์มากกว่าปกติ
เพราะฉะนั้นหาอะไรที่ปลอดภัยให้ตัวเองคงดีที่สุด
ร่างบอบบางได้แต่เดินไปมาอยู่หน้าประตูห้องน้ำ ดวงหน้าขาวผ่องซีดสีลงอีกนิด
จะบอกพี่ฮันยังไงดีล่ะ ฮือ
จะบอกว่ากังวลที่ไก่ออกไข่ไม่ได้อย่างผู้หญิงคนอื่นน่ะหรือ
“ฮยอกแจ...นายคิดบ้าอะไรของนาย
จะคิดยังไงก็ไม่มีรังไข่โผล่เข้ามาในท้องหรอกน่า” ฮยอกแจได้แต่พึมพำกับตัวเอง
รู้สึกเหมือนกลับมาเป็นลูกไก่ตัวน้อยแห่งชมรมคหกรรมเมื่อสองปีก่อนยังไงไม่รู้
ว่าตอนนั้นหนีพี่ฮันยากแล้ว ตอนนี้หนียากยิ่งกว่า...ก็หัวใจมันไม่ยอมหนีแล้วนี่นา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ถ้าฉันไขประตูเข้าไปนะฮยอกแจ...”
แอ๊ดดดด
“เปิดแล้วฮะ”
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นแรงๆ
พร้อมกับเสียงกลั้วหัวเราะที่ดังขึ้นมาทำให้คนถูกขู่ไม่ต้องรอฟังหรอกว่าอีกฝ่ายจะขู่อะไรเปิดประตูโผล่หน้าออกมาทันที
จนคนที่ทำหน้านิ่งกอดอกอยู่เกือบจะหลุดยิ้มออกมา
แต่ร่างสูงก็เพียงหมุนตัวไปอีกทางแล้วทรุดนั่งที่ปลายเตียง
ดวงตาคมกริบที่ทอดมองมาทำให้คนที่แค่คิดมากอะไรไปหน่อยเดียวได้แต่เดินตัวลีบมานั่งบนตักกว้างอย่างรู้ตำแหน่งตัวเองดี
หมับ
“เอาล่ะ
เล่ามาเดี๋ยวนี้ว่าคิดอะไรอยู่ ถึงทำหน้าอยากร้องไห้เมื่อตอนค่ำ”
ฮันคยองที่ยังอยู่ในชุดเดิมถามหลังจากที่กอดเอวคอดเอาไว้แน่น
จมูกโด่งก็ซุกไซ้เข้าที่ซอกคอหอมๆ สูดดมกลิ่นครีมอาบน้ำเข้าปอดอย่างชอบใจ
ในขณะเดียวกัน ฮยอกแจรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้น
อยู่ๆ ความกังวลเหมือนจะปลิวหายไปเมื่อเพียงแค่เขาผิดปกติไปนิดเดียว
คนตัวโตก็สัมผัสได้ทุกครั้ง จนได้แต่บอกปฏิเสธเสียงเบา
“ปะ...เปล่าฮะ ไม่มีอะไรสักหน่อย”
ฮยอกแจตอบเบาๆ แต่เหมือนจะไม่ทำให้คนฟังนึกพอใจกับคำตอบจนต้องกอดเอวเล็กแน่นขึ้น
ริมฝีปากก็เริ่มพรมจูบไปทั่วลำคอระหง เสียงทุ้มก็เอ่ยเสียงหนัก
“ถึงวันนี้จะใส่ชุดนอนแบบนี้ แต่ฉันก็ถอดมันออกได้
รับรองว่าตอนเปลือยสวยไม่แพ้ชุดนอนกี่เพ้าเลยล่ะ” แทนที่จะว่าอะไรที่ไม่ได้ฟังคำตอบที่พอใจ
ฮันคยองกลับบอกไปอีกเรื่องหนึ่งที่ทำเอาคนฟังตาโต
ฟึ่บ
แล้วยังไม่ทันจะได้ตั้งสติ
ฮยอกแจก็ถูกคนตัวโตพลิกไปนอนราบอยู่บนเตียงนอน
โดยมีผู้ชายที่มีแววตาอันตรายคร่อมทับอยู่เหนือร่าง ดวงตาคมหรี่ลงน้อยๆ
อย่างจับผิด จนคนฟังได้แต่ขนลุกซู่
“เอ่อ...”
“ว่าไง จะบอกไม่บอก”
ฮันคยองก้มหน้าลงมาต่ำ จนเกือบจะถึงใบหน้าสวยอยู่แล้ว
จนคนตัวเล็กที่เกรงว่าจะได้รับบทลงโทษที่ไม่ยอมพูดออกมาดีๆ โพล่งขึ้นมาทันที
“มันไม่มีอะไรจริงๆ ฮะ
แค่เรื่องไร้สาระของผมเอง”
เสียงหวานที่พูดโพล่งขึ้นมาเฉยๆ
เหมือนจะทำให้คนตัวโตหยุดนิ่งลงทันที
ร่างสูงขยับใบหน้าออกห่างให้ได้ระดับเดิมอีกครั้ง แล้วก็ดันคางเรียวสวยของคนขี้กลัวให้กลับมาสบตากับเขา
แววตาที่กำลังสั่นระริกด้วยกลัวอะไรบางอย่างทำให้ฮันคยองยกยิ้มบาง
“แต่เรื่องไร้สาระของเธอกำลังทำให้เธอคิดมาก
มันจึงสำคัญสำหรับฉัน”
มาเฟียหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างหนักแน่นเสียจนคนฟังกัดปากน้อยๆ
เงยหน้าขึ้นมามองคนที่คร่อมทับเอาไว้ด้วยใจที่เต้นระรัว
มือเรียวที่วางทิ้งไว้ตรงฟูกนุ่ม ขยับมาจับต้นแขนแกร่งเอาไว้แน่น จนฮันคยองที่มักจะมองใครอย่างโหดเหี้ยมมองมาด้วยสายตาที่อ่อนโยน
“ฮยอกแจ เธอก็รู้ว่าตัวเองคิดมาก
ถ้าฉันปล่อยเรื่องที่เธอคิดเอาไว้ไปเรื่อยๆ มันก็ยิ่งทำให้เธอคิดมากหนักขึ้นทุกทีๆ
แล้วถ้าสักวันหนึ่งความคิดมากของเธอทำให้เธอไม่อยากจะอยู่กับคนอย่างฉันอีกต่อไปแล้ว
ฉันจะทำยังไงล่ะฮยอกแจ...” ฮันคยองถามด้วยเสียงที่อ่อนลง
มือใหญ่แตะแก้มใสแล้วลูบไปมาเบาๆ
ดวงตาคู่คมทอประกายที่บอกว่ารักคนขี้กลัวคนนี้หมดหัวใจ
“เธอสำคัญสำหรับฉันที่สุด
เรื่องที่คนอื่นอาจจะมองว่าไร้สาระ
สำหรับฉันมันสำคัญเสมอเพราะเป็นเรื่องของ...เธอ” ถ้อยคำของมาเฟียรูปหล่อที่เอ่ยอย่างนี้กับคนรักเท่านั้น
ทำให้คนฟังน้ำตารื้น น้ำตาหยดใสไหลอาบแก้มทันที
พร้อมกับแขนเรียวที่เอื้อมมากอดคอคนตัวโตเอาไว้แน่น
ไม่เอา ไก่ไม่คิดมากแล้ว
จะไม่คิดมากอีกต่อไปแล้ว จะท้องไม่ท้องก็ช่างสิ ยังไงไก่ก็ไม่มีทางไปจากตรงนี้อยู่แล้ว
ความคิดของร่างเล็กที่ยิ่งกอดรัดฮันคยองแน่นขึ้น
ซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกอุ่นอย่างติดจะออดอ้อน ร่างน้อยที่สั่นนิดๆ
ก็ขยับเข้าหาทั้งตัวจนคนตัวโตนึกพอใจ
สำหรับเขา
เขาต่างหากที่อยากจะมั่นใจว่าฮยอกแจมีความสุขเมื่ออยู่กับเขา
คนตัวเล็กที่ซุกตัวเงียบๆ
ทำให้มาเฟียหนุ่มขยับมานอนเคียงข้างแล้วกอดร่างเล็กเอาไว้แน่น
มือใหญ่ก็ลูบแผ่นหลังบอบบางเอาไว้ จนกระทั่งเสียงหวานพึมพำเบาๆ
“ผมกำลังคิดเรื่อง...ทายาทของพี่ฮะ”
กึก
ฮันคยองชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงหวานใสเอ่ยเบาๆ
ทั้งยังมือเรียวที่กอดเอวเขาแน่นขึ้น
“ทายาทฉัน?” ชายหนุ่มทวนคำ จนฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมาสบตา
แล้วพยักหน้าหงึกหงัก มือเล็กก็ปาดน้ำตาออกไปจากแก้มเบาๆ
“ฮะ...อยู่ๆ
ผมก็คิดว่าอีกหน่อยพี่ก็ต้องมีทายาท แล้วผมก็...มีให้ไม่ได้”
ฟึ่บ
สิ้นคำของคนตัวเล็กปุ๊บ
ฮันคยองก็ปล่อยฮยอกแจออกจากอ้อมกอด ร่างสูงลุกขึ้นทันทีอย่างรวดเร็วอย่างที่ทำให้อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว
นัยน์ตาคู่สวยสั่นไหวทันทีอย่างไม่เข้าใจ
หรือว่าพี่จะคิดเรื่องนี้จริงๆ แงงง
แล้วไก่จะทำยังไงล่ะ
“พะ...พี่จะไปไหนฮะ”
แล้วเมื่อเห็นว่าร่างสูงกำลังจะก้าวออกจากห้อง ฮยอกแจก็รีบถามเสียงสั่น
จนฮันคยองหันกลับมามอง นัยน์ตาคมฉายชัดถึงคามไม่พอใจ
ริมฝีปากแสยะยิ้มน่ากลัวอย่างที่เขาไม่เห็นมานานแล้ว แล้วเสียงทุ้มก็เอ่ยเสียงดังฟังชัด
“จะไปฆ่าไอ้คนที่ยัดความคิดพวกนี้ใส่หัวเธอ
ใครมันกล้ามาพูดว่าเธอมีลูกให้ฉันไม่ได้!!” คำตอบที่คนฟังตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที
แล้วเมื่อเห็นว่าสูงกำลังจะก้าวดุ่มๆ ออกจากห้องด้วยอาการที่คล้ายพายุลูกย่อมๆ
ฮยอกแจก็รีบลุกจากเตียงก้าวไปกอดเอวสอบเอาไว้แน่น
ถ้าปล่อยไป พี่ฮันเอาจริงแน่
“ผะ...ผมคิดเองนะฮะ
ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้นล่ะ” ฮยอกแจรีบบอกเสียงสั่น
จนคนที่ถูกรั้งเอาไว้หันกลับมามอง แล้วถอนหายใจหนักๆ
“ฉันไม่เชื่อ เธอไม่เคยพูดเรื่องลูก
ถ้าไม่มีใครมาสะกิด อยู่ๆ เธอจะมาคิดเรื่องนี้ได้ยังไง” ฮันคยองถามเสียงเข้ม
จนคนตัวเล็กได้แต่ยิ้มแหยๆ แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ
“แต่ตอนนี้ผมไม่คิดมากแล้วฮะ
ถึงแม้ผมจะมีลูกให้พี่ไม่ได้...แต่ผมจะไม่ยอมไปไหนจนกว่าพี่จะไล่”
ฮยอกแจเอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น
ดวงตาคู่สวยที่ยังสั่นไหวน้อยๆ ก็มีแววมั่นคงขึ้นยามที่สบกับดวงตาคมเข้มตรงหน้า
เมื่อกี้คำพูดของพี่ฮันทำให้เขาแน่ใจ ถึงแม้ว่าเขาจะมีลูกให้อีกฝ่ายไม่ได้
เขาก็ยังสำคัญที่สุดสำหรับคนน่ากลัวคนนี้ไม่ใช่หรือ
แต่ถ้าพี่ฮันต้องมีเล็กมีน้อยเพื่อจะมีทายาทล่ะ
ฮือ ตอนนั้นไก่ก็แค่นอนจมกองน้ำตาตายเท่านั้นเอง
ความคิดมักน้อยของฮยอกแจที่ทำให้ฮันคยองถอนหายใจยาว
แล้วดึงมือเล็กให้กลับมาที่เตียงนอนหลังใหญ่ด้วยกันอีกครั้ง
มือทั้งสองข้างโอบรอบเอวเล็กแล้วบอกเสียงดังหนักแน่น
“เธอมีลูกไม่ได้
ฉันก็ไม่อยากมี...ฉันมีลูกพี่ลูกน้องเยอะแยะ ญาติฉันก็เยอะ
ไม่เห็นยากเลยที่จะตั้งใครมาเป็นทายาทคนต่อไป หรือถ้าอยากมีลูกจริงๆ
ก็ให้ใครอุ้มท้องแทนก็ได้...เพราะฉะนั้นเลิกคิดเรื่องที่ฉันจะมีคนอื่นหรือไล่เธอไปไหนเลยนะลีฮยอกแจ”
เสียงทุ้มที่แฝงด้วยการเอาจริง ทั้งยังเข้มขึ้นจนคนฟังก้มหน้างุดลงทันที
มือเรียวกำกันแน่น แล้วหัวทุยๆ ก็ทำได้เพียงซบลงที่อกอุ่น
“ไม่คิดแล้วฮะ”
เสียงหวานที่เอ่ยบอกเบาหวิว หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้น เพราะเจ้าของเสียงนึกรู้อะไรบางอย่าง
พี่ฮันพูดเหมือนคิดเรื่องนี้เอาไว้แล้ว
หาทางออกเอาไว้แล้วขอเพียงแค่เขาเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา
หมับ
คนขี้กลัวได้แต่ขยับมากอดเอวสอบแน่นใบหน้าสวยก็ซุกซบที่แผ่นอกกว้าง
จนคนตัวโตยกมือลูบต้นแขนเล็กเบาๆ
“ผมรักพี่ฮันนะฮะ
ไก่น้อยตัวนี้รักพี่นะฮะ” เสียงหวานๆ ที่เอ่ยบอกแผ่วเบา ทั้งยังสั่นน้อยๆ
บ่งบอกอาการเขินอายที่ทำให้คนฟังยกมุมปากขึ้นอย่างพอใจ ริมฝีปากได้รูปก็ขยับจูบที่ขมับบาง
“จำไว้นะฮยอกแจ สำหรับฉัน
เธอสำคัญที่สุด”
เสียงทุ้มที่เอ่ยอย่างหนักแน่นจริงจัง
ปัดเป่าเรื่องที่คิดมากออกไปเสียสิ้นจนคนตัวเล็กยิ้มออกทันที
ร่างบอบบางก็ยอมขยับกายลงไปนอนนิ่งบนเตียงนอนหลังใหญ่
มองคนตัวโตที่ตามมาทาบทับเอาไว้
ดวงตาทั้งสองคู่สบประสานกันนิ่งบอกบอกความรู้สึกที่เหมือนกัน...รัก
จนกระทั่งใบหน้าคมคายโน้มลงต่ำจนเกือบจะสัมผัสกันอยู่แล้ว
“หลังจากกินเธอเสร็จ
ฉันจะออกไปจัดการคนที่ทำให้เธอคิดมาก”
“พี่ฮัน มะ...อุ๊บ”
ฮยอกแจที่เบิกตากว้าง พยายามจะเอ่ยแย้งขึ้นมาที่ความคิดมากของตัวเองอาจจะทำให้ใครเดือดร้อน
แต่ก็ไม่ทันมาเฟียตัวโตที่ขยับมาปิดปากฉ่ำหวานอย่างรวดเร็วไม่รอฟังคำปฏิเสธใดๆ
ก่อนจะมอบสัมผัสที่บอกให้ฮยอกแจมั่นใจว่าเขารักมากแค่ไหน
สัมผัสที่เรียกเสียงครางแผ่วๆ
จากคนตัวเล็กได้อย่างดี ปัดเป่าเรื่องที่คิดมากออกไปจากใจ
แต่หลังจากนี้...สาวใช้ทั้งสองก็คงต้องแล้วแต่บุญแต่กรรมที่ทำมาแล้วล่ะ
ก็ใครจะรู้ว่าเผลอนินทานายไปนิดเดียวแต่บังเอิ๊ญบังเอิญไปทำให้นายคิดมาก
จะทำให้มาเฟียหนุ่มโมโหขึ้นมาล่ะ
ก็บอกแล้ว
เรื่องของลูกไก่ตัวน้อยนี่นะ สำคัญกับฮันคยองมากที่สุดเสมอล่ะ...
...........................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น