วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Special CL_2 สำคัญที่สุด

Special_2 สำคัญที่สุด



            ในเวลายามเย็นที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า แสงสีทองระเรื่อจางก็อาบไล้ไปทั่วเรือนร่างบอบบางของคนที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่กลางสวนกลางบ้านที่เงียบสงบ แสงที่ยิ่งขับให้ผิวขาวผ่องเป็นประกายพราวระยับ อีกทั้งยังทำให้ใบหน้าเรียวสวยที่กำลังแย้มยิ้มน้อยๆ ดูงดงามจับตาจนไม่ว่าสาวใช้ หรือบรรดาคนหน้าเหี้ยมในอาณาบริเวณมองตามไม่ละสายตา

          ก็นายหญิงเล่นสวยขนาดนี้นี่นะ

            ไม่ต่างจากมาเฟียรูปหล่อที่กำลังยืนพิงเสามองมาจากห้องทำงานหรูที่เปิดกว้างให้เห็นสวนสวยสำหรับผ่อนคลายสายตาจากการทำงาน

            ขวับ

            แต่แล้ว นัยน์ตาคมที่แสนโหดเหี้ยมก็ตวัดไปมองลูกน้องหน้าโหดในห้องขวับ เมื่อสัมผัสได้ว่าไม่ใช่มีเพียงเขาที่มอง แต่ไอ้พวกนี้...ก็มองไม่ต่างกัน

            เอื้อก

            ทันทีที่สายตาเหมือนฆ่าคนได้ของฮันคยองหันมามอง ทุกคนที่ลอบมองของสวยๆ งามๆ ก็หลบสายตา ก้มลงมองเพียงมือที่ประสานกันตรงหน้าตักอย่างพร้อมเพรียง

          ใครจะยอมเอาชีวิตไปเสี่ยงล่ะ

            “เมื่อกี้พวกมึงมองอะไร” คำถามเรียบๆ ทั้งที่ฮันคยองยังคงจับจ้องไปยังคนตัวเล็กที่กำลังคุยโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้ม ขาเรียวก็ก้าวไปบนสนามหญ้าไปเรื่อยๆ อย่างไม่รับรู้เลยว่าใครต่อใครกำลังทอดสายตามองอยู่

            “ปะ...เปล่าครับนาย” เหล่าบรรดาชายฉกรรจ์ที่ไม่ว่าไปที่ไหนก็มีแต่คนหลีกทางให้ (เพราะหน้าตาน่ากลัวล้วนๆ) ตอบคำเสียงสั่นอย่างไม่กล้าตอบตามความจริงเท่าไหร่ จนฮันคยองหัวเราะหึๆ ในลำคอ

            เสียงหัวเราะที่ทำให้คนฟังทั้งหลายอดจะสะดุ้งน้อยๆ ไม่ได้ ในเมื่อไม่รู้ว่าตกลงพวกเขาทำให้นายไม่พอใจจนอยากควักลูกตาออกมาหรือเปล่าเนี่ยสิ

            “ถ้ามองเขาในฐานะนายหญิงก็มองไป เคารพเขา ให้เกียรติเขา ปกป้องเขา เหมือนที่แสดงออกกับฉัน อย่ามองว่าเมียฉันเป็นแค่ใครไม่รู้ที่ฉันคว้ามาอยู่ข้างๆ...ฮยอกแจมีค่าที่สุดสำหรับฉัน...” ฮันคยองบอกเสียงเข้ม แต่นัยน์ตาคมที่ทอดมองร่างบอบบางกลับอ่อนแสงลงจนบรรดาลูกน้องคนสนิททั้งหลายเงยหน้ามองผู้เป็นนาย รับรู้ได้เหมือนกันว่า...

            นายรักนายหญิงมากที่สุด

            เสียงทุ้มที่กำชับอย่างดิบดีว่าให้ดูแลฮยอกแจไม่ต่างจากตัวเองแสดงออกชัดเจนแล้วว่าฮันคยองให้นายหญิงเป็นดั่งเจ้านายของพวกเขาอีกคน ไม่ใช่ฐานะต่ำต้อยกว่า แต่เท่าเทียมกับนายทุกอย่าง

            “ครับนาย เราจะปกป้องนายหญิงไม่ต่างจากนาย” เสียงของผู้ชายร่างสูงใหญ่บอกอย่างหนักแน่นที่ทำให้คนฟังยกมุมปากขึ้น ได้ยินเสียงคนสนิทที่เขาไว้ใจให้คุมที่นี่ตอบรับอย่างพร้อมเพรียงอย่างพอใจ แต่แล้ว เสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง

            และเป็นอีกครั้งที่ทำให้คนฟังเสียวสันหลังวาบ

          “...แต่ถ้ามีใครคิดจะแตะต้องเมียฉัน มีใครมองเมียฉันเกินกว่าหน้าที่...มั่นใจเอาไว้ว่าฉันจะทำให้มันไม่มีวันทำหรือคิดได้อีกต่อไป!

            เสียงทุ้มที่ดังอย่างโหดเหี้ยมแบบที่ลูกน้องได้ยินได้ฟังเป็นประจำ และรู้ดีว่านายเอาจริงทำเอาหลายคนกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอแล้วรับคำอย่างหนักแน่น เริ่มไม่ไว้ใจสายตาตัวเองว่ามองนายหญิงอย่างเคารพ หรือเผลอคิดเรื่องอย่างว่ากันแน่

            แต่ทุกอย่างที่เจ้านายหนุ่มเอ่ยออกมา ทำให้ทุกคนรู้อย่างหนึ่ง...เหนือสิ่งอื่นใดสำหรับเจ้านาย...คือนายหญิง และทำให้พวกเขารู้อีกอย่าง...นายโคตรหวงเมียเลยล่ะ

          จะว่าไปนายก็...ไม่ต่างจากนายใหญ่พวกเขาเท่าไหร่นักหรอก

            ความคิดของบรรดาลูกน้องที่สบสายตากันแวบหนึ่ง ยามที่ฮันคยองยังคงมองร่างบอบบางตรงหน้านิ่ง มองลูกไก่ตัวน้อยที่ยามนี้กลับกลายเป็นหงส์แสนสวยที่ยืนอยู่เคียงข้างเขา

            สำหรับเขา ฮยอกแจมีค่าที่สุด...เหนือสิ่งอื่นใด

........................................................

            ในขณะเดียวกัน ลูกไก่ตัวน้อยที่ไม่รู้เลยว่ากำลังตกเป็นเสายตาของใครต่อใครก็กำลังหลุดเสียงหัวเราะออกมา เมื่อได้ยินเสียงปลายสายดังเจื้อยแจ้วไม่ได้ขาด เสียงหวานๆ ของเพื่อนสนิทที่โทรมาเล่าเรื่องพ่อมุนฮวาทะเลาะกับพี่คิบอมอีกแล้ว

            “แล้วนายทำยังไงล่ะ”

            “ด๊องไม่รู้อ่ะฮยอก ด๊องก็ตามใจพ่อ ตามใจพี่คิบอม...ถ้าพี่คิบอมยอม ด๊องกลับมานอนบ้านสัปดาห์ละครั้งก็ได้” ปลาน้อยหน้าหวานบอกเบาๆ พลางยู่ปากน้อยๆ เล่าถึงเรื่องที่คุณพ่อสุดที่รักพยายามตกลงกับพี่คิบอมว่าหลังจากแต่งงานแล้วให้เขากลับมานอนบ้านสักสัปดาห์ละครั้งได้หรือเปล่า แต่พี่คิบอมไม่ยอม ตอนนี้ก็เลย...ยังตกลงกันไม่ได้

            คำตอบที่ฮยอกแจยิ้มแหยๆ นึกถึงสงครามลูกเขยกับพ่อตาที่เหมือนจะจบ แต่ก็ยังไม่จบสนิทเสียที แล้วดูคนกลางสิ...รู้มั้ยนั่นว่าตอบว่ายังไงก็ได้ ไม่ตัดสินสักที เรื่องก็ยังไม่จบน่ะสิ

            “แล้วฮยอกล่ะเป็นยังไงบ้าง ด๊องคิดถึงฮยอกจังเลย ไม่เจอกันมาเกือบเดือนแล้วนะ” ดงแฮที่อยู่อีกฟากของประเทศถามเสียงใส จนคนทางนี้เอียงคอน้อยๆ แล้วยิ้มแห้งๆ

            “ก็...ไม่มีอะไรมากหรอก แต่ม่าม๊าเพ่ยอิงพาไปหลายๆ ที่น่ะ ยังไงฉันก็กลับไปทันงานแต่งนายแน่ๆ” ลูกไก่ตัวน้อยบอกเบาๆ ทั้งที่มันก็ไม่เชิงว่าไม่มีอะไร แม้ว่าเขาจะเรียนภาษาจีนมาหลายปีตั้งแต่เป็นแฟนกับพี่ฮัน แต่ว่ามันก็ใช่ว่าจะใช้คล่อง แถมพอมาอยู่ที่นี่ เจอพ่นภาษาจีนใส่ เขาถึงกับเอ๋อแดกไปเลย ได้แต่พยายามยิ้มแล้วก็โค้งให้ ยิ่งเมื่อวานที่ม่าม๊าพาไปสมาคมอะไรสักอย่างเนี่ยล่ะ เขาเกือบจะห่อไหล่ ยิ้มแห้งๆ ทำอะไรไม่ถูก

            ในเมื่อม่าม๊าแนะนำว่าเขาเนี่ยล่ะนายหญิงคนต่อไป เป็นลูกสะใภ้ของม่าม๊า ใครต่อใครไม่รู้พยายามเข้ามาคุยกับเขาเพียบเลย บ้างก็มองด้วยสายตาแปลกๆ แถมพี่ฮันยังถูกห้ามไม่ให้ไปด้วย จนกังวลเสียจนกลับมาร้องไห้ แล้วคนที่ปลอบเขาก็ไม่ใช่ใคร...มาเฟียมาดโหดนั่นล่ะ

            ถ้าไม่ใช่เพราะหัวใจเขารักพี่ฮันมาก...มากจนขาดพี่ฮันไม่ได้ล่ะก็ เขาได้หาเที่ยวบินกลับเกาหลีตั้งแต่วันแรกที่มาถึงไปแล้ว

            “ฮยอกต้องกลับมาทันนะ ฮยอกเป็นเพื่อนเจ้าสาวนี่นา” ดงแฮยังคงตอบโต้มาด้วยเสียงร่าเริงที่ทำให้คนฟังยิ้มออก แล้วแก้มใสก็ต้องแดงเรื่อเมื่อเพื่อนสนิทเอ่ยต่อ

            “แล้วด๊องก็เป็นเพื่อนเจ้าสาวของฮยอก เนอะ” แล้วคนเนอะก็ไม่ทีทางรู้เลยว่าแก้มใสๆ ของคนฟังถึงกับแดงก่ำ ก้มหน้างุดลงทันที

            “ไม่รู้ ฉันจะวางแล้ว ที่นี่ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว เท่านี้นะ” ฮยอกแจรีบบอกวางสายก่อนที่เจ้าเพื่อนความรู้สึกช้าจะเอ่ยอะไรให้เขาอายอีก แล้วเจ้าตัวน่ะหรือ...ไม่รู้หรอกว่าทำให้คนฟังอายแค่ไหน เรื่องเดียวที่ดงแฮรู้คงจะเป็นเรื่องของพี่คิบอมนั่นล่ะ

            คนตัวเล็กวางโทรศัพท์ไปแล้ว นัยน์ตาเรียวสวยเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่กำลังจะมืดในอีกไม่กี่นาทีนี้แล้วอดจะอมยิ้มไม่ได้ ถ้าเขามาที่นี่เพียงคนเดียว ท้องฟ้าที่กำลังมืดอย่างนี้คงน่ากลัวไม่น้อย ยิ่งยามที่ยืนอยู่กลางคฤหาสน์ที่ตกแต่งคล้ายพระราชวังจีนเช่นนี้แล้วด้วย แต่เพราะสถานที่นี้มีใครคนหนึ่งต่างหากที่ทำให้เขาฮึดสู้

            เขาจะพยายามไม่ทำตัวเป็นลูกไก่ขี้กลัวอีกแล้ว


            ความคิดของคนตัวเล็กที่กอดโทรศัพท์ก้าวเข้ามาในตัวอาคารอีกครั้ง ร่างบอบบางที่อยู่ในชุดเสื้อกี่เพ้าแขนกุดสีเข้มกับกางเกงสีเดียวกันอย่างเคยชินกับมันมากแล้วก็ก้าวอย่างไม่เร่งรีบ เดินไปตามมุมเสาต้นใหญ่อย่างไม่อยากออกไปเดินตรงกลางทางเดินมากนัก

            ก็เจอใคร ใครก็โค้งให้เขาเสียต่ำตลอดเลยนี่นา

            “...ฮยอกแจ...”

            หืม

            แต่ก่อนที่จะเดินเลี้ยวมุมตึกเพื่อก้าวไปหาพี่ฮันที่ห้องทำงาน เขาก็ดันได้ยินชื่อของเขาขึ้นมาเสียก่อน แล้วเสียงที่ไม่คุ้นเคยประสานไปกับภาษาจีนก็ทำให้ร่างเล็กชะงักนิ่ง เริ่มลังเลว่าคนอีกด้านกำลังพูดถึงเขาอยู่หรือเปล่า แล้วเขาควรปรากฏตัวออกไปหรือไม่

            “ชู่ว อย่าพูดเรื่องนายหญิงฮยอกแจเด็ดขาดเลยนะ...” เสียงกระซิบกระซาบที่คนตัวเล็กพอจะจับใจความได้ เริ่มทำให้เรียวปากสีสดเม้มเข้าหากันน้อยๆ เริ่มจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นสาวใช้สักคนสองคนที่คุยกันอยู่ตรงนั้น

            “ฉันไม่ได้นินทาหรือว่าอะไรสักหน่อย ฉันแค่สงสัยเองว่านายจะแต่งกับนายหญิงจริงหรือ” ประโยคที่ฮยอกแจยิ่งกัดริมฝีปากจนเจ็บ

            “ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ นายรักนายหญิงจะตาย ยังไงก็แต่งอยู่แล้ว”

            “อ้าว แล้วเรื่องทายาทล่ะ ยังไงนายหญิงก็เป็นชายนะ”

            กึก

            ฮยอกแจถึงกับชะงักกึก เมื่อได้ยินสิ่งที่ตนเคยนึกถึงบ้าง แต่ก็ปัดมันออกไปจากใจหลายครั้งจนได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง หัวใจดวงน้อยหล่นวูบไปที่ตาตุ่ม น้ำตาหยดใสเอ่อคลอที่ดวงตาคู่สวย แต่พยายามกลั้นมันให้ไหลย้อนกลับไป แล้วตัดสินใจว่าเขาทนฟังไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

            ตึก ตึก ตึก

            ลูกไก่ตัวน้อยทำเป็นย่ำเท้าแรงๆ จนเกิดเสียงแล้วร่างเล็กก็ทำเป็นว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เดินเลี้ยวมุมตึกออกมา จนเห็นสาวใช้สองคนกำลังทำความสะอาดเครื่องเรือนไปด้วยสะดุ้งสุดตัว หน้าซีดเผือด โค้งให้เขาทันที

            “สวัสดีค่ะนายหญิง” เสียงทักทายพร้อมกับการโค้งลงต่ำอย่างนอบน้อม ทำให้คนใจเสียพยายามฝืนยิ้มแล้วก้าวนำเลยออกไป ทำเป็นไม่รับรู้เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกของคนด้านหลัง

          นั่นสินะ พี่ฮันจะคิดมากเรื่องนี้หรือเปล่า

            คำถามที่เจ้าตัวได้แต่จนใจจะหาคำตอบจริงๆ ดวงตาคาสวยมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วพบว่าฟ้ากำลังมืดมิดเหมือนหัวใจของเขาที่เริ่มเกิดความกลัว...พี่ฮันจะอยากมีลูกมั้ยนะ

................................................................

            ฮันคยองกำลังขมวดคิ้วฉับทันที เมื่อเห็นว่าลูกไก่ตัวน้อยข้างกายเงียบลงจนน่าแปลก ทั้งที่ตลอดเดือนที่เขาขโมยลูกชาวบ้านมาอยู่ที่นี่ ฮยอกแจยิ้มแย้มมากขึ้น บนโต๊ะอาหารที่มีพ่อแม่รวมทั้งญาติหลายคนของเขาก็สนิทสนมจนพูดคุยกับใครต่อใครบ้าง แต่วันนี้ฮยอกแจกลับเงียบ...เหมือนวันแรกที่มาที่นี่

          เกิดอะไรขึ้น

            หมับ

            แล้วมาเฟียรูปหล่อก็ไม่ลังเลเลยที่จะยกมือขึ้นมาโอบรอบไหล่บอบบางแล้วดึงเข้าหาตัวอย่างไม่แคร์สายตาใคร จนคนตัวเล็กเบิกตากว้าง

            “พะ...พี่ฮัน...”

            “อาเกิง หยุดรังแกน้องสักครึ่งชั่วโมงไม่ได้หรือไงเรา” เพ่ยอิงหันมาเอ็ดลูกชายอย่างเห็นใจแก้มขาวๆ ที่แดงก่ำขึ้นมาทันตาของฮยอกแจ ซึ่งคนเป็นลูกก็ยกยิ้มมุมปาก แล้วขยับมาจรดปลายจมูกที่แก้มใสแรงๆ จนคนตัวเล็กตัวแข็งทื่อ

            “ก็ผมรักของผม ไม่รังแกคนนี้จะรังแกใคร”

            “พะ...พี่ฮัน...อย่าฮะ คนเต็มเลย” ฮยอกแจที่แก้มแดงตั้งแต่คำบอกรักได้แต่บอกเป็นภาษาเกาหลีเบาๆ ซึ่งเหมือนจะทำให้ญาติพี่น้องถูกใจเสียจนเสียงแซวดังขึ้นไม่ขาด

            ไหนจะเรื่องว่าตกลงจะแต่งเมื่อไหร่...รักกันจังเลยนะ...หลานสะใภ้น่ารัก อะไรต่อมิอะไรที่ทำให้คนตัวเล็กยิ่งเขินจนก้มหน้างุด แต่ก็ไม่กล้าดิ้นหนีอ้อมกอดอุ่นๆ ที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น มือเรียวได้แต่แตะมือใหญ่เบาๆ

            “ปล่อยก่อนนะฮะ” เสียงร้องขอหวานๆ ที่ทำให้คนตัวโตจ้องลึกเข้ามาในดวงตาคู่สวยแล้วพบว่ามัน...สั่นผิดปกติ แต่เจ้าตัวก็ยอมปล่อยก่อนจะเอ่ยออกมาชัดเจน แต่ทำให้คนฟังนิ่งอึ้งไปทันที

            “ก็ได้ แต่คืนนี้เธอต้องเล่าว่าเป็นอะไร”

            “มะ...”

            “แล้วถ้าบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร ฉันจะทำให้เธอพูดออกมาให้ได้ หึๆ” แล้วเสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์ของคนที่โน้มมากระซิบริมหูก็ชัดเจนเสียจนคนฟังก้มหน้างุด

          งือ พี่ฮันทำทีไร ไก่ได้นอนซมอยู่บนเตียงไม่ต้องไปไหนทุกที

............................................................

            ในเวลานี้ลีฮยอกแจที่เจอทั้งคำพูดที่ทำให้กังวล ทั้งเจอคำขู่ได้แต่ขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำ เพราะพอทานข้าวเสร็จปุ๊บ เขาก็ผลุบหายเข้ามาในห้องน้ำปั๊บอย่างถ่วงเวลาเอาไว้สุดความสามารถ ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

            แม้จะมั่นใจในตัวพี่ฮัน แต่บางทีเขาก็กลัวคำตอบของคำถามที่สงสัยนี่นา

            คนตัวเล็กที่อยู่ในชุดนอนเนื้อนุ่ม (ที่ไม่ใช่แบบกี่เพ้าเช่นทุกที) เพราะว่าเขาเรียนรู้แล้วว่าชุดแบบจีนเหมือนจะทำให้คนตัวโตมีอารมณ์มากกว่าปกติ เพราะฉะนั้นหาอะไรที่ปลอดภัยให้ตัวเองคงดีที่สุด ร่างบอบบางได้แต่เดินไปมาอยู่หน้าประตูห้องน้ำ ดวงหน้าขาวผ่องซีดสีลงอีกนิด

          จะบอกพี่ฮันยังไงดีล่ะ ฮือ จะบอกว่ากังวลที่ไก่ออกไข่ไม่ได้อย่างผู้หญิงคนอื่นน่ะหรือ

            “ฮยอกแจ...นายคิดบ้าอะไรของนาย จะคิดยังไงก็ไม่มีรังไข่โผล่เข้ามาในท้องหรอกน่า” ฮยอกแจได้แต่พึมพำกับตัวเอง รู้สึกเหมือนกลับมาเป็นลูกไก่ตัวน้อยแห่งชมรมคหกรรมเมื่อสองปีก่อนยังไงไม่รู้ ว่าตอนนั้นหนีพี่ฮันยากแล้ว ตอนนี้หนียากยิ่งกว่า...ก็หัวใจมันไม่ยอมหนีแล้วนี่นา

            ก๊อก ก๊อก ก๊อก

            “ถ้าฉันไขประตูเข้าไปนะฮยอกแจ...”

            แอ๊ดดดด

            “เปิดแล้วฮะ” เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นแรงๆ พร้อมกับเสียงกลั้วหัวเราะที่ดังขึ้นมาทำให้คนถูกขู่ไม่ต้องรอฟังหรอกว่าอีกฝ่ายจะขู่อะไรเปิดประตูโผล่หน้าออกมาทันที จนคนที่ทำหน้านิ่งกอดอกอยู่เกือบจะหลุดยิ้มออกมา แต่ร่างสูงก็เพียงหมุนตัวไปอีกทางแล้วทรุดนั่งที่ปลายเตียง

            ดวงตาคมกริบที่ทอดมองมาทำให้คนที่แค่คิดมากอะไรไปหน่อยเดียวได้แต่เดินตัวลีบมานั่งบนตักกว้างอย่างรู้ตำแหน่งตัวเองดี
           
            หมับ

            “เอาล่ะ เล่ามาเดี๋ยวนี้ว่าคิดอะไรอยู่ ถึงทำหน้าอยากร้องไห้เมื่อตอนค่ำ” ฮันคยองที่ยังอยู่ในชุดเดิมถามหลังจากที่กอดเอวคอดเอาไว้แน่น จมูกโด่งก็ซุกไซ้เข้าที่ซอกคอหอมๆ สูดดมกลิ่นครีมอาบน้ำเข้าปอดอย่างชอบใจ

            ในขณะเดียวกัน ฮยอกแจรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้น อยู่ๆ ความกังวลเหมือนจะปลิวหายไปเมื่อเพียงแค่เขาผิดปกติไปนิดเดียว คนตัวโตก็สัมผัสได้ทุกครั้ง จนได้แต่บอกปฏิเสธเสียงเบา

            “ปะ...เปล่าฮะ ไม่มีอะไรสักหน่อย” ฮยอกแจตอบเบาๆ แต่เหมือนจะไม่ทำให้คนฟังนึกพอใจกับคำตอบจนต้องกอดเอวเล็กแน่นขึ้น ริมฝีปากก็เริ่มพรมจูบไปทั่วลำคอระหง เสียงทุ้มก็เอ่ยเสียงหนัก

            “ถึงวันนี้จะใส่ชุดนอนแบบนี้ แต่ฉันก็ถอดมันออกได้ รับรองว่าตอนเปลือยสวยไม่แพ้ชุดนอนกี่เพ้าเลยล่ะ” แทนที่จะว่าอะไรที่ไม่ได้ฟังคำตอบที่พอใจ ฮันคยองกลับบอกไปอีกเรื่องหนึ่งที่ทำเอาคนฟังตาโต

            ฟึ่บ

            แล้วยังไม่ทันจะได้ตั้งสติ ฮยอกแจก็ถูกคนตัวโตพลิกไปนอนราบอยู่บนเตียงนอน โดยมีผู้ชายที่มีแววตาอันตรายคร่อมทับอยู่เหนือร่าง ดวงตาคมหรี่ลงน้อยๆ อย่างจับผิด จนคนฟังได้แต่ขนลุกซู่

            “เอ่อ...”

            “ว่าไง จะบอกไม่บอก” ฮันคยองก้มหน้าลงมาต่ำ จนเกือบจะถึงใบหน้าสวยอยู่แล้ว จนคนตัวเล็กที่เกรงว่าจะได้รับบทลงโทษที่ไม่ยอมพูดออกมาดีๆ โพล่งขึ้นมาทันที

            “มันไม่มีอะไรจริงๆ ฮะ แค่เรื่องไร้สาระของผมเอง”

            เสียงหวานที่พูดโพล่งขึ้นมาเฉยๆ เหมือนจะทำให้คนตัวโตหยุดนิ่งลงทันที ร่างสูงขยับใบหน้าออกห่างให้ได้ระดับเดิมอีกครั้ง แล้วก็ดันคางเรียวสวยของคนขี้กลัวให้กลับมาสบตากับเขา แววตาที่กำลังสั่นระริกด้วยกลัวอะไรบางอย่างทำให้ฮันคยองยกยิ้มบาง

          “แต่เรื่องไร้สาระของเธอกำลังทำให้เธอคิดมาก มันจึงสำคัญสำหรับฉัน”


            มาเฟียหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างหนักแน่นเสียจนคนฟังกัดปากน้อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองคนที่คร่อมทับเอาไว้ด้วยใจที่เต้นระรัว มือเรียวที่วางทิ้งไว้ตรงฟูกนุ่ม ขยับมาจับต้นแขนแกร่งเอาไว้แน่น จนฮันคยองที่มักจะมองใครอย่างโหดเหี้ยมมองมาด้วยสายตาที่อ่อนโยน

            “ฮยอกแจ เธอก็รู้ว่าตัวเองคิดมาก ถ้าฉันปล่อยเรื่องที่เธอคิดเอาไว้ไปเรื่อยๆ มันก็ยิ่งทำให้เธอคิดมากหนักขึ้นทุกทีๆ แล้วถ้าสักวันหนึ่งความคิดมากของเธอทำให้เธอไม่อยากจะอยู่กับคนอย่างฉันอีกต่อไปแล้ว ฉันจะทำยังไงล่ะฮยอกแจ...” ฮันคยองถามด้วยเสียงที่อ่อนลง มือใหญ่แตะแก้มใสแล้วลูบไปมาเบาๆ ดวงตาคู่คมทอประกายที่บอกว่ารักคนขี้กลัวคนนี้หมดหัวใจ

            “เธอสำคัญสำหรับฉันที่สุด เรื่องที่คนอื่นอาจจะมองว่าไร้สาระ สำหรับฉันมันสำคัญเสมอเพราะเป็นเรื่องของ...เธอ” ถ้อยคำของมาเฟียรูปหล่อที่เอ่ยอย่างนี้กับคนรักเท่านั้น ทำให้คนฟังน้ำตารื้น น้ำตาหยดใสไหลอาบแก้มทันที พร้อมกับแขนเรียวที่เอื้อมมากอดคอคนตัวโตเอาไว้แน่น

          ไม่เอา ไก่ไม่คิดมากแล้ว จะไม่คิดมากอีกต่อไปแล้ว จะท้องไม่ท้องก็ช่างสิ ยังไงไก่ก็ไม่มีทางไปจากตรงนี้อยู่แล้ว

            ความคิดของร่างเล็กที่ยิ่งกอดรัดฮันคยองแน่นขึ้น ซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกอุ่นอย่างติดจะออดอ้อน ร่างน้อยที่สั่นนิดๆ ก็ขยับเข้าหาทั้งตัวจนคนตัวโตนึกพอใจ

            สำหรับเขา เขาต่างหากที่อยากจะมั่นใจว่าฮยอกแจมีความสุขเมื่ออยู่กับเขา

            คนตัวเล็กที่ซุกตัวเงียบๆ ทำให้มาเฟียหนุ่มขยับมานอนเคียงข้างแล้วกอดร่างเล็กเอาไว้แน่น มือใหญ่ก็ลูบแผ่นหลังบอบบางเอาไว้ จนกระทั่งเสียงหวานพึมพำเบาๆ

            “ผมกำลังคิดเรื่อง...ทายาทของพี่ฮะ”

            กึก

            ฮันคยองชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงหวานใสเอ่ยเบาๆ ทั้งยังมือเรียวที่กอดเอวเขาแน่นขึ้น

            “ทายาทฉัน?” ชายหนุ่มทวนคำ จนฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมาสบตา แล้วพยักหน้าหงึกหงัก มือเล็กก็ปาดน้ำตาออกไปจากแก้มเบาๆ

            “ฮะ...อยู่ๆ ผมก็คิดว่าอีกหน่อยพี่ก็ต้องมีทายาท แล้วผมก็...มีให้ไม่ได้”

            ฟึ่บ

            สิ้นคำของคนตัวเล็กปุ๊บ ฮันคยองก็ปล่อยฮยอกแจออกจากอ้อมกอด ร่างสูงลุกขึ้นทันทีอย่างรวดเร็วอย่างที่ทำให้อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว นัยน์ตาคู่สวยสั่นไหวทันทีอย่างไม่เข้าใจ

          หรือว่าพี่จะคิดเรื่องนี้จริงๆ แงงง แล้วไก่จะทำยังไงล่ะ

            “พะ...พี่จะไปไหนฮะ” แล้วเมื่อเห็นว่าร่างสูงกำลังจะก้าวออกจากห้อง ฮยอกแจก็รีบถามเสียงสั่น จนฮันคยองหันกลับมามอง นัยน์ตาคมฉายชัดถึงคามไม่พอใจ ริมฝีปากแสยะยิ้มน่ากลัวอย่างที่เขาไม่เห็นมานานแล้ว แล้วเสียงทุ้มก็เอ่ยเสียงดังฟังชัด

          “จะไปฆ่าไอ้คนที่ยัดความคิดพวกนี้ใส่หัวเธอ ใครมันกล้ามาพูดว่าเธอมีลูกให้ฉันไม่ได้!!คำตอบที่คนฟังตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที แล้วเมื่อเห็นว่าสูงกำลังจะก้าวดุ่มๆ ออกจากห้องด้วยอาการที่คล้ายพายุลูกย่อมๆ ฮยอกแจก็รีบลุกจากเตียงก้าวไปกอดเอวสอบเอาไว้แน่น

            ถ้าปล่อยไป พี่ฮันเอาจริงแน่

            “ผะ...ผมคิดเองนะฮะ ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้นล่ะ” ฮยอกแจรีบบอกเสียงสั่น จนคนที่ถูกรั้งเอาไว้หันกลับมามอง แล้วถอนหายใจหนักๆ

            “ฉันไม่เชื่อ เธอไม่เคยพูดเรื่องลูก ถ้าไม่มีใครมาสะกิด อยู่ๆ เธอจะมาคิดเรื่องนี้ได้ยังไง” ฮันคยองถามเสียงเข้ม จนคนตัวเล็กได้แต่ยิ้มแหยๆ แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ

          “แต่ตอนนี้ผมไม่คิดมากแล้วฮะ ถึงแม้ผมจะมีลูกให้พี่ไม่ได้...แต่ผมจะไม่ยอมไปไหนจนกว่าพี่จะไล่

            ฮยอกแจเอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น ดวงตาคู่สวยที่ยังสั่นไหวน้อยๆ ก็มีแววมั่นคงขึ้นยามที่สบกับดวงตาคมเข้มตรงหน้า เมื่อกี้คำพูดของพี่ฮันทำให้เขาแน่ใจ ถึงแม้ว่าเขาจะมีลูกให้อีกฝ่ายไม่ได้ เขาก็ยังสำคัญที่สุดสำหรับคนน่ากลัวคนนี้ไม่ใช่หรือ

          แต่ถ้าพี่ฮันต้องมีเล็กมีน้อยเพื่อจะมีทายาทล่ะ ฮือ ตอนนั้นไก่ก็แค่นอนจมกองน้ำตาตายเท่านั้นเอง

            ความคิดมักน้อยของฮยอกแจที่ทำให้ฮันคยองถอนหายใจยาว แล้วดึงมือเล็กให้กลับมาที่เตียงนอนหลังใหญ่ด้วยกันอีกครั้ง มือทั้งสองข้างโอบรอบเอวเล็กแล้วบอกเสียงดังหนักแน่น

            “เธอมีลูกไม่ได้ ฉันก็ไม่อยากมี...ฉันมีลูกพี่ลูกน้องเยอะแยะ ญาติฉันก็เยอะ ไม่เห็นยากเลยที่จะตั้งใครมาเป็นทายาทคนต่อไป หรือถ้าอยากมีลูกจริงๆ ก็ให้ใครอุ้มท้องแทนก็ได้...เพราะฉะนั้นเลิกคิดเรื่องที่ฉันจะมีคนอื่นหรือไล่เธอไปไหนเลยนะลีฮยอกแจ” เสียงทุ้มที่แฝงด้วยการเอาจริง ทั้งยังเข้มขึ้นจนคนฟังก้มหน้างุดลงทันที มือเรียวกำกันแน่น แล้วหัวทุยๆ ก็ทำได้เพียงซบลงที่อกอุ่น

            “ไม่คิดแล้วฮะ” เสียงหวานที่เอ่ยบอกเบาหวิว หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้น เพราะเจ้าของเสียงนึกรู้อะไรบางอย่าง

          พี่ฮันพูดเหมือนคิดเรื่องนี้เอาไว้แล้ว หาทางออกเอาไว้แล้วขอเพียงแค่เขาเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา

            หมับ

            คนขี้กลัวได้แต่ขยับมากอดเอวสอบแน่นใบหน้าสวยก็ซุกซบที่แผ่นอกกว้าง จนคนตัวโตยกมือลูบต้นแขนเล็กเบาๆ

            “ผมรักพี่ฮันนะฮะ ไก่น้อยตัวนี้รักพี่นะฮะ” เสียงหวานๆ ที่เอ่ยบอกแผ่วเบา ทั้งยังสั่นน้อยๆ บ่งบอกอาการเขินอายที่ทำให้คนฟังยกมุมปากขึ้นอย่างพอใจ ริมฝีปากได้รูปก็ขยับจูบที่ขมับบาง

          “จำไว้นะฮยอกแจ สำหรับฉัน เธอสำคัญที่สุด”

            เสียงทุ้มที่เอ่ยอย่างหนักแน่นจริงจัง ปัดเป่าเรื่องที่คิดมากออกไปเสียสิ้นจนคนตัวเล็กยิ้มออกทันที ร่างบอบบางก็ยอมขยับกายลงไปนอนนิ่งบนเตียงนอนหลังใหญ่ มองคนตัวโตที่ตามมาทาบทับเอาไว้

            ดวงตาทั้งสองคู่สบประสานกันนิ่งบอกบอกความรู้สึกที่เหมือนกัน...รัก จนกระทั่งใบหน้าคมคายโน้มลงต่ำจนเกือบจะสัมผัสกันอยู่แล้ว

            “หลังจากกินเธอเสร็จ ฉันจะออกไปจัดการคนที่ทำให้เธอคิดมาก”

            “พี่ฮัน มะ...อุ๊บ” ฮยอกแจที่เบิกตากว้าง พยายามจะเอ่ยแย้งขึ้นมาที่ความคิดมากของตัวเองอาจจะทำให้ใครเดือดร้อน แต่ก็ไม่ทันมาเฟียตัวโตที่ขยับมาปิดปากฉ่ำหวานอย่างรวดเร็วไม่รอฟังคำปฏิเสธใดๆ ก่อนจะมอบสัมผัสที่บอกให้ฮยอกแจมั่นใจว่าเขารักมากแค่ไหน

            สัมผัสที่เรียกเสียงครางแผ่วๆ จากคนตัวเล็กได้อย่างดี ปัดเป่าเรื่องที่คิดมากออกไปจากใจ

            แต่หลังจากนี้...สาวใช้ทั้งสองก็คงต้องแล้วแต่บุญแต่กรรมที่ทำมาแล้วล่ะ ก็ใครจะรู้ว่าเผลอนินทานายไปนิดเดียวแต่บังเอิ๊ญบังเอิญไปทำให้นายคิดมาก จะทำให้มาเฟียหนุ่มโมโหขึ้นมาล่ะ

            ก็บอกแล้ว เรื่องของลูกไก่ตัวน้อยนี่นะ สำคัญกับฮันคยองมากที่สุดเสมอล่ะ...


...........................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น