วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Special CL_6 เมียหาย

Special_6 เมียหาย



          เมียหาย

            เวลานี้ หากถามว่าคิดยังไงกับคำว่าเมียหาย หลายคนคงคิดว่าเป็นเรื่องตลกที่แซวกันเล่นในวงเหล้า แต่หากเอ่ยปากถามอดีตสมาชิกสภานักศึกษาแล้วล่ะก็คงได้ใบหน้าเครียดๆ กับดวงตาที่แทบจะฆ่าคนได้ตวัดมามอง ในเมื่อ...เมียหายยกกลุ่มจริงๆ นี่นา



            ในเวลายามเย็นบนตึกสูงระฟ้าที่มีป้ายขนาดใหญ่บอกว่าที่นี่คือสำนึกงานใหญ่ของคิมกรุ๊ปดูจะแปลกออกไปจากทุกวัน โดยเฉพาะบริเวณหน้าห้องประธานบริษัทที่เลขาสาวได้แต่เหงื่อตกด้วยความเครียด มือเรียวเกือบจะปาดเหงื่อออกจากใบหน้า เมื่อร่างสูงใหญ่ของคุณคังอินกระโจนมาถึงโต๊ะของเธอ

            “คิบอมอยู่มั้ย!!

            “คะ...เอ่อ ค่ะๆ ท่านประธานอยู่ข้างในค่ะ คือว่า...” เลขาสาวได้แต่สะดุ้งน้อยๆ เมื่อสบเข้ากับแววตาเคร่งเครียดที่พร้อมจะฆ่าคนได้ของชายหนุ่มตรงหน้า สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังโกรธจัดมากแค่ไหน และถึงแม้ว่าคุณคังอินจะหล่อเหลาปานเทพสงครามยังไง แต่เวลาที่เอาเรื่องเช่นนี้...เธอก็ไม่ขอสู้กับความหล่อจะดีต่อชีวิตที่สุด

            “เดี๋ยวดิฉันแจ้งว่า...”

            ปัง!!!!

            เฮือก!!!!

            เลขาสาวที่ยกหูโทรศัพท์ถึงกับสะดุ้งโหยง เปลือกตาสีอ่อนหลับแน่นอย่างตกใจกลัวกับเสียงกระชากประตูแล้วก้าวเข้าไปอย่างไม่สนใจมารยาทใดๆ เนื้อตัวได้แต่สั่นน้อยๆ เพราะนี่ไม่ใช่รายแรกในครึ่งชั่วโมงนี้ แต่เป็น...รายที่สามแล้ว

            คนแรก...คุณซีวอน

            คนที่สอง...คุณคยูฮยอน

            คนที่สาม...คุณคังอิน

            และเธอแน่ใจว่าต้องมีคนที่สี่และห้า ในเมื่อเธอก็ทำงานที่นี่มาตั้งแต่ท่านประธานขึ้นดำรงตำแหน่งนี้ใหม่ๆ ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่ากลุ่มผู้มีอิทธิพลกลุ่มนี้มีใครบ้าง แต่ที่ตกใจคือ...วันนี้เป็นอะไรกันหมด

            ติ๊ง

            พรวด

            “ว้าย!!

            “พี่คิบอมอยู่หรือเปล่า!!” ยังไม่ทันที่เลขาสาวจะหันไปมองตามเสียงลิฟต์ที่เปิดออก ร่างสูงของคนหล่อที่แก้มเป็นซาลาเปาไปนิดก็วิ่งพรวดเข้ามา พร้อมกับถามคำถามเดียวกับเมื่อสองนาทีก่อน จนต้องผายมือเข้าไปยังประตูห้องอย่างไม่คิดตอบคำ

            ในเมื่อ...ตอบไปก็ไม่มีใครฟังเธออยู่ดี

            เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้น เยซองก็รีบก้าวเข้าไปในห้องอย่างเร่งรีบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จนหญิงสาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทว่า ถอนหายใจได้ไม่นาน คนที่น่ากลัวไม่แพ้เจ้านายเธอก็ก้าวเข้ามายังชั้นผู้บริหารอย่างที่ไม่ต้องรอให้เธอพักหายใจ

            “เอ่อ...ท่านประธานอยู่ในห้องค่ะ” ทันทีที่เห็นหน้าคุณฮันคยองที่ก้าวเข้ามา แม้จะดูแตกต่างจากคนก่อนหน้านี้ด้วยการก้าวเข้ามาอย่างไม่เร่งรีบเท่าไหร่นัก แต่หญิงสาวก็ตอบคำถามก่อนที่จะถามราวกับรู้อยู่ก่อนแล้ว และท่าทางแบบนี้ก็ทำให้ฮันคยองหัวเราะเบาๆ ในลำคอ

            เสียงหัวเราะที่คนฟัง...หนาวเยือกไปทั้งแนวหลัง

          ฮือ น่ากลัวที่สุดเลย

            “มากันครบแล้วใช่มั้ย”

            “ค่ะ...ค่ะ ตอนนี้มีคุณซีวอน คุณคยูฮยอน คุณคังอิน และคุณเยซองที่เพิ่งเข้าไปเมื่อสามนาทีก่อนค่ะ” คำตอบที่บอกเสียงสั่นๆ ทำให้ฮันคยองยกมุมปากขึ้น ทั้งที่ดวงตายังวาววับด้วยความไม่พอใจอะไรบางอย่าง แต่ว่าใบหน้าคมคายก็พยักขึ้นลงเพียงนิด

            “เย็นแล้ว คุณกลับบ้านเถอะ ท่าทางจะมีเรื่องต้องประชุมด่วนอีกนาน” ฮันคยองว่าเรียบๆ แต่ทำให้คนฟังได้แต่ละล้าละลัง ในเมื่อยังไม่ได้รับคำสั่งจากเจ้านาย แม้ว่าตอนนี้จะเลยเวลางานมายี่สิบนาทีแล้วก็เถอะ แต่ถ้ามีประชุมด่วน เธอก็ต้องจดรายงานการประชุมนี่นะ

          ฮือ เอาไงดี อยากกลับบ้านจะแย่แล้ว คุณดงแฮขา ช่วยดิฉันด้วย

            คำขอที่ต่อให้ขออีกกี่นาที คนหน้าหวานคนนั้นก็คงช่วยไม่ได้ ในเมื่อ...ไอ้ที่มาประชุมกันน่ะเหมือนจะเป็นเรื่องของคนสวยๆ ทั้งนั้น

            “ตะ...แต่ว่า...”

            “ไม่ใช่เรื่องงานหรอก เรื่องส่วนตัวนิดหน่อย” เพียงแค่ฮันคยองบอกเสียงเข้มขึ้นนิด คนฟังก็สะดุ้งโหยง พยักหน้ารับคำทันควัน มือไม้สั่นพลางรวบข้าวของลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว แล้วจ้ำอ้าวไปยังลิฟต์ที่อยู่ติดกันทันที ในเมื่อเธอบอกแล้วว่าทำงานมาหลายปี เวลาที่คนกลุ่มนี้ประชุมกันทีไร...น่ากลัวสุดๆ ไปเลย

            เมื่อเลขาสาวก้าวออกไปแล้ว มาเฟียหนุ่มก็ตีหน้าเหี้ยม ขายาวก็ก้าวยังห้องทำงานของเพื่อนสนิทอย่างรวดเร็ว มือใหญ่ก็ผลักเข้าไป พอดีกับเสียงของคนภายในลอดออกมา

            “คิบอม เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่นะ!!! นี่หายกันไปทั้งกลุ่มอย่างนี้ ที่ร้านก็ปิดสนิท ทั้งที่ซินไม่เคยปิดร้านในวันศุกร์” ซีวอนกำลังเอามือทั้งสองข้างยันกับโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ใบหน้าคมคายเคร่งเครียด ยามที่เอ่ยกับเพื่อนที่นั่งบนเก้าอี้หนัง

            คนที่ยังนิ่งอยู่ได้ ทั้งที่...ว่าที่ภรรยาก็หายไปเหมือนกัน

            “ใช่พี่ กระต่ายของผมก็เหมือนกัน บอกว่าวันนี้ขอลางานครึ่งวันจะไปร้านพี่ซิน แต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนก็ส่งมาบอกว่าวันนี้ไม่กลับบ้าน พอโทรไปหาก็ปิดเครื่อง ตามไปที่ร้านของพี่อีทึกและพี่ซินก็ปิดร้าน” คยูฮยอน หนุ่มเจ้าเล่ห์บอกด้วยเสียงที่เครียดกว่าเดิม ในเมื่อซองมินไม่เคยหายไปดื้อๆ แบบนี้ อีกทั้งโทรหาเพื่อนของซองมินก็ต่างปิดเครื่องกันทุกคนอย่างนี้

            มันผิดปกติ!!!

            “เหมือนกันเลย ทึกกี้ก็หายตัวไป มีแค่ข้อความนี้น่ะ!!” คังอินว่าพลางล้วงโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาชูตรงหน้า จนหลายคนหันไปมองตัวอักษรที่บอกเอาไว้ว่า

            เดี๋ยวพรุ่งนี้กลับ นอนคนเดียวให้สนุกนะฮะ

            “มันไม่ใช่นิสัยของทึกกี้เลย เหมือนมีใครเอาโทรศัพท์ทึกกี้ส่งมาหาฉัน!” คังอินว่าบ้าง ท่าทีโวยวายที่ทำให้เยซองยื่นหน้าเข้าไปหาโทรศัพท์รุ่นพี่มากยิ่งขึ้น เรื่องที่ตัวเองจะพูดก็เงียบลงทันที ก่อนจะคว้าเครื่องมือสื่อสารมาถือไว้

            “หรือว่า...” เยซองหันมามองรุ่นพี่ร่างสูงที่ยังนั่งอ่านเอกสารบนโต๊ะทำงานของตัวเองเงียบๆ เหมือนไม่ทุกข์ร้อนใดๆ ทั้งที่คนรักของพวกเขาทุกคนหายตัวไป

            เขาก็เหมือนกับเพื่อนและพี่ๆ อีกสองคนที่เมียส่งข้อความมาบอกว่าไม่กลับบ้าน พอไปหาที่ร้านของพี่ซินก็เห็นว่าปิดร้าน โทรไปก็ปิดเครื่อง โทรหาเพื่อนคนอื่นๆ ของตัวเล็กก็ไม่มีใครรับสาย จนนึกว่ามีเรื่องร้ายอะไรหรือเปล่า แถมอาจจะมีอันตรายทั้งกลุ่มจนเขารีบมาหารุ่นพี่คนสนิท

            แต่จากท่าทางนิ่งๆ ของพี่คิบอมที่ดูไม่มีอาการกังวลใดๆ อีกทั้งข้อความที่มันคุ้นเคยในความรู้สึกยังไงไม่รู้ ทำคิ้วเข้มของซาลาเปาแก้มป่องขมวดฉับ

            ข้อความแบบนี้ เหมือนที่อุคกี้ส่งมาคราวที่จะไปค้างบ้านแม่เลยนี่นะ

            “มาแล้วหรือ ฮันคยอง” และแทนที่คิบอมจะตอบคำ ชายหนุ่มกลับหันไปมองหน้าประตูที่มีมาเฟียร่างสูงกำลังยืนกอดอกอยู่ ดวงตาสองคู่สบเพียงแวบหนึ่ง ท่าทางที่เหมือนรู้อะไรบางอย่างของสองผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้คนที่กำลังโวยวายหุบปากฉับ

            “อืม ฉันนึกว่าฉันดักทางเอาไว้แล้วนะ” ฮันคยองบอกเรียบๆ ทั้งที่ดวงตาคู่คมไม่ได้ดูสนุกด้วยเลยสักนิด แล้วคิบอมก็ยกมือปิดแฟ้มงานของตัวเองลง จากนั้นก็ยกมือประสานกันหลวมๆ

            “สงสัยดงแฮบอกซองมินไม่ก็เรียวอุค”

            “เกี่ยวอะไรกับกระต่ายผมล่ะพี่” คยูฮยอนแทรกถามขึ้นมาทันควัน ตอนนี้เรื่องเจ้าเล่ห์เก็บเอาไว้ก่อน อารมณ์ห่วงเมียมันมากกว่าสิ่งอื่นใด คำถามที่คิบอมส่ายหน้าน้อยๆ ร่างสูงหยัดกายลุกขึ้น แล้วตอบคำ

            “พวกนั้นไม่ได้หายไปไหนหรอก” คำที่หลายคนมองอย่างเข้าใจ แต่ก็พอจะคลายใจลงได้บ้าง แล้วฮันคยองก็เป็นฝ่ายเอ่ยเสริมขึ้นมา

            “แล้วก็ไม่ได้มีใครเอาตัวไป ไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายใดๆ...”

            “เฮ้ย พวกนายรู้อะไรก็พูดออกมาให้หมดสิวะ!!! เครียดน่ะเว้ยเครียด” คังอินถึงกับโวยวาย เมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองคุยเหมือนรู้อะไรบางอย่าง ซึ่งทำให้คิบอมยกยิ้มมุมปาก แน่ล่ะ ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าตอนนี้ดงแฮอยู่ที่ไหน ในเมื่อทั้งเขาและฮันคยองส่งคนดูแลคนรักของตัวเองตลอดเวลา

            แล้วก็พอจะรู้ว่าเหตุการณ์เมียหายยกกลุ่มนี้ไม่ใช่ความบังเอิญ

            “เมียนายคนต้นคิดนะคิบอม” ฮันคยองว่าเรียบๆ ทั้งที่ตาคมวาววับอย่างไม่พึงใจเท่าไหร่ที่คืนนี้อาจจะไร้ร่างเมียขี้กลัวที่เขานอนกอด ซึ่งคนฟังก็หัวเราะเบาๆ ในลำคอ

            “แต่เชื่อสิว่าคนสานต่อให้เกิดขึ้นน่ะ ไม่ใช่ดงแฮหรอก”

            RRRRrrrrrrrrrrr

            สิ้นคำของคิบอมปุ๊บ โทรศัพท์เครื่องหรูก็ดังขึ้นทันที จนชายหนุ่มล้วงมันขึ้นมาจากกระเป๋า เบอร์ที่โชวร์พร้อมกับใบหน้าแสนสวยของดงแฮทำให้มุมปากยกขึ้นแล้วกดรับสาย

            “ว่ายังไงดงแฮ”

            “ห้ะ!!!” เสียงทักที่กรอกลงไปทำให้ทุกคนรู้ทันทีว่าใครโทรมา เสียงอุทานถึงดังขึ้นทันที แต่คิบอมก็ไม่สนใจ นอกจากรับคำเรื่อยๆ แล้วเก็บลงกระเป๋า

            จากนั้น...ใบหน้าคมคายก็หันมามองเพื่อนและน้องทั้งกลุ่ม

            “อยากรู้ว่าพวกนั้นอยู่ไหนก็ตามมา”

            คิบอมบอกง่ายๆ แล้วก้าวนำออกจากห้อง โดยที่ฮันคยองก็บอกอย่างไม่ชอบใจนัก

            “ฉันนึกว่าทำลายแผนการบ้านั่นไปแล้วเชียวนะ” คำที่คิบอมก็นึกเห็นด้วย แต่ชายหนุ่มก็เพียงก้าวออกจากห้องอย่างไม่เร่งรีบ ในเมื่อ...เขารู้ดีว่าดงแฮอยู่ที่...บ้านของตัวเอง

...............................................................

        

          “ใครหน้าไหนก็ห้ามก้าวข้ามรั้วมาเด็ดขาด!!

            เพียงแค่ชายหนุ่มทั้งหกจอดรถลงตรงหน้าบ้านหลังกะทัดรัดที่คุ้นเคยหลังหนึ่ง เสียงของใครบางคนก็ดังแหวกอากาศเข้ามาได้ยิน จนสายตาทุกคู่หันไปมองตามเสียง แล้วก็ได้เห็น ด่านหินที่มีชื่อว่า...ลีมุนฮวา

            ในเวลานี้ หน้าบ้านหลังน้อยของลีดงแฮ ชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ตรงรั้วบ้าน แล้วทันทีที่เห็นรถคันหรูแล่นมาจอดเรียงเป็นตับราวกับโชว์รูมรถนอก มือที่ถือสายยางก็หันกลับมาเตรียมพร้อมฉีดน้ำใส่ใครก็ตามที่บังอาจก้าวเข้ามาในอาณาเขตของตน ริมฝีปากยกยิ้มพอใจ เมื่อนึกถึงโทรศัพท์สายเมื่อเช้าจากเพื่อนสนิทลูกชาย

          พ่อมุนฮวาฮะ อุคกี้เองนะฮะ อุคกี้มีเรื่องขอร้องให้ช่วยนิสสสสสนึงฮะ...

            แล้วคำขอร้องของเพื่อนลูกชายมีหรือที่เขาจะไม่ตกลง อีกทั้งเรื่องที่ได้ยินก็...น่าพอใจอยู่ไม่น้อย

            “ทำไมพามาที่บ้านของดงแฮวะคิบอม หรือว่า...” ซีวอนที่เคยทำตัวเป็นพระเอกมิวสิดหน้าบ้านหลังนี้มาแล้วถามด้วยเสียงที่เบาลง แล้วก็กลืนน้ำลายลงคออีกนิด เมื่อพวกเขาทุกคนได้ยินกิตติศัพท์ความหวงลูกของลีมุนฮวามาเป็นอย่างดี

            อีกทั้งชายวัยกลางคนๆ นี้นี่แหละที่คนอย่างคิมคิบอมยอมลงให้

            “อ้าวมากันครบเลยหรือ สวัสดีฮะทุกคน” แล้วยังไม่ทันที่คิบอมจะได้เอ่ยตอบ กระต่ายน้อยตัวหนึ่งก็โผล่หน้ามาจากประตูทางเข้า มือเล็กโบกไปมาอย่างร่าเริง รอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้าน่ารักแบบไม่สำนึกเลยสักนิดว่าทำให้แฟนเป็นห่วงแค่ไหน

            ท่าทางที่คยูฮยอนนึกอยากจับมาฟัดให้หนำใจ แต่แน่ล่ะ ตอนนี้ทำได้แค่มอง

            ซ่าาาา

            “เฮ้ย!!!

            “ฉันเตือนแล้วนะ ว่าอย่าข้ามมา” เพียงแค่คิดดังไปนิด หมาป่าตัวร้ายที่คิดจะก้าวเข้าไปหาแฟนคนสวย (เพราะคราวก่อนแม่ซอนแฮให้เข้าบ้านง่ายๆ) ถึงกับร้องลั่น เกือบจะกระโดดหลบไม่ทัน เมื่อน้ำจากสายยางฉีดเข้ามาแบบไม่ลังเล เล่นเอาขากางเกงเปียกไปทั้งแถบ

            “พ่อฮะ เอาหนักๆ เลยฮะ คนนี้น่ะ” ซองมินตะโกนออกมาอย่างอารมณ์ดี ในมือก็มีขนมหวานไส้ฟักทองติดมาด้วย ดวงตากลมโตมองคนรักอย่างชอบใจ

          ก็แหม มันเล่นเกมเขาหนักตลอดเลยนี่นะ โดนซะมั้ง ไอ้คนเจ้าเล่ห์นี่

            “มีอะไรหรือเปล่าฮะเนี่ย เสียงดังไปจนถึงคระ...อ้าว ซีวอน” แต่แล้ว เสียงหวานๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างบอบบางของเจ้าหญิงคนสวยก้าวออกมา ดวงตาคมสวยฉายแววแปลกใจชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่จะแย้มยิ้มหวานส่งให้คนรักที่ถึงกับเหวอ

            อย่าบอกนะว่าอยู่นี่กันหมด

            “มาทำอะไรที่นี่ล่ะซีวอน มินมินเอาโทรศัพท์ฉันไปโทรบอกแล้วนี่นาว่าวันนี้ฉันมาค้างบ้านด๊องน่ะ” ฮีชอลถามอย่างแปลกใจ เมื่อมองออกมาหน้าบ้านแล้วพบว่าบรรดาเมะเกือบทั้งกลุ่ม ขาดแค่ชินดงคนเดียวกำลังยืนนิ่งอยู่หน้าบ้าน

            “โทรบอกที่ไหนวะ ส่งมาแค่วันนี้มีธุระ” ซีวอนได้แต่พึมพำกับตัวเอง แต่ทำให้คังอินขมวดคิ้วฉับ

            “แล้ว...”

            “อ้อ ส่วนของพี่ทึกกี้ อุคกี้เป็นคนส่งบอกฮะ” ไม่ต้องถามจนจบประโยค ซองมินก็เอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยรอยยิ้มกว้าง ชอบใจกับคนรักที่ก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ไมได้ประหนึ่งการ์ตูนพลังวิเศษที่เจอพลังกางกั้นเอาไว้

            มันสะใจจริงๆ

            “งั้นทำไมถึงมาอยู่ที่นี่กันหมด” เยซองเอ่ยถามบ้าง พลางชะโงกหน้ามองหากระรอกแสบของเขา แต่กลับไม่เห็นแม้แต่ร่องรอย ได้ยินเพียงเสียงแหลมแว่วๆ ลอยมาจากชั้นสอง

            “...หวา...นี่แน่ะ ด๊องงง ฮ่าๆๆๆ...” เสียงแหลมใสที่เดาไม่ออกว่ากำลังทำอะไรกันอยู่ ถูกตัดด้วยเสียงของซองมินที่เสียงดังฟังชัดกว่า

          “อ้อ วันนี้พวกเรามีปาร์ตี้ชุดนอนกันน่ะ”

            “ห้ะ!!!” แทบจะทุกเสียงอุทานขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อหู มีเพียงแค่คิบอมและฮันคยองที่รู้อยู่ก่อนแล้วเท่านั้นที่ยังยกมือกอดอกพิงรถของตัวเองอยู่ อย่างรอดูสถานการณ์ไปก่อน โดยเฉพาะคิบอมที่รู้ดีว่า...ไม่มีทางฉกตัวลูกสาวบ้านนี้ออกมาง่ายๆ แน่

            ก็รบกับพ่อตามาตั้งหลายปี ทำไมจะไม่รู้

            “ใช่แล้ว อ้าว มินมินไม่ได้บอกหรือว่าวันนี้ฉันจะค้างที่บ้านด๊องน่ะ น่าสนุกดีออก” ฮีชอลเอ่ยเสริมขึ้นมาด้วยท่าทางแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าคนรักทำท่าเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราว จนซีวอนแทบจะส่ายหน้าเร็วๆ แบบไม่รักษามาด

          บอกอะไรวะ ไอ้ข้อความสั้นๆ ว่าวันนี้ไม่กลับบ้านน่ะนะ!!! เราก็นึกว่าเมียหาย ที่ไหนได้ ปาร์ตี้ชุดนอน!!!

            “อ้าว คังอินมาทำอะไรที่นี่ล่ะ”

            “ทึกกี้!!” แต่แล้วใบหน้าสวยๆ ของอีทึกก็โผล่มาจากหน้าต่างชั้นสอง มือเรียวก็พาดผ้าขนหนูผืนเล็กซับน้ำบนใบหน้าไปด้วย นัยน์ตาสวยมองคนรักร่างสูงใหญ่ที่ยืนนิ่งเป็นหมีงงอยู่ด้านล่างอย่างแปลกใจว่ามาได้ยังไง

            เอาล่ะ ในเมื่อเราได้รู้เรื่องราวจากฝั่งเมะที่กำลังทำหน้าแบบปลาถูกทุบไปเรียบร้อยแล้ว เราก็มาย้อนความไปเมื่อราวสี่ห้าชั่วโมงที่ผ่านมา

            ในเวลายามบ่ายคล้องที่แดดร่มลมตก เหล่าสาวๆ สวยๆ อดีตชมรมคหกรรมก็มารวมกลุ่มกันที่ร้านสองสาวพี่ใหญ่ ต้อนรับไก่ตัวน้อยที่เพิ่งกลับมาจากจีน และในเวลาที่นั่งจิบชาพูดคุยกันอยู่นั้น ฮยอกแจก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จนต้องเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มหวาน

          ด๊องๆ นายจำเรื่องที่เราคุยกันที่ร้านอาหารได้มั้ย เรื่องที่ไปนอนค้างด้วยกันน่ะ

          ‘อ้อ ใช่ๆๆ...นี่ๆ ทุกคน ด๊องมีความคิดมานำเสนอแหละ วันนี้ไปนอนค้างบ้านด๊องกันมั้ย เหมือนที่เคยทำตอนปีหนึ่งน่ะปลาน้อยของกลุ่มบอกด้วยเสียงร่าเริงขึ้นมาทันตา แล้วก็เอ่ยเสริมขึ้นมาหน่อย เมื่อเห็นทุกคนทำท่าสนใจ

            แม่บอกว่าคิดถึงด้วย อยากชวนไปกินข้าวที่บ้าน แล้วก็นอนค้างกันสักคืน คำชักชวนที่ทำเอาคู่หูกระต่ายกระรอกตาวาว บอกอย่างพร้อมเพรียงว่าเอาเลย ทั้งที่ดวงตาวาววับทั้งสองคู่หันมาสบกันแวบหนึ่ง

            แหม ได้โอกาสหนีสามีไปนอนเล่นกับเพื่อนอย่างนี้ ไม่คว้าไว้ก็โง่น่ะสิ

          งั้นปาร์ตี้คืนนี้ฉันจะตั้งชื่อว่า...ปาร์ตี้ชุดนอนของเคะน้อยแห่งคหกรรม

            เรียวอุคบอกเสียงใสทันที แล้วจัดการรวบหัวรวบหางสองพี่ใหญ่แบบไม่ต้องรอความคิดเห็น ยิ่งเห็นว่าทั้งพี่ฮีชอล ทั้งพี่อีทึกกำลังวุ่นกับร้าน สองสาวคู่หูก็บอกว่าจะจัดการบอกบรรดาคนรักให้เอง อีกทั้งยังช่วยปิดร้านอย่างกะตือรือร้น พากันไปเก็บชุดนอนที่บ้านมาเตรียมพร้อมค้างเต็มที่

            เรื่องทั้งหมดก็เลยเอวังประการฉะนี้แล

            ปาร์ตี้ชุดนอนของเหล่าสาวๆ ที่ทำเอาคนเป็นสามีนึกว่าเมียหายกันเป็นแถว ใบหน้าคมคายของแต่ละคนก็ได้แต่นิ่งอึ้ง ก่อนที่เยซองจะตั้งสติ แล้วถามอย่างสงสัย

            “แล้วทำไมปิดเครื่อง”

            “อ้อ ไม่ได้ปิดเครื่องฮะพี่เยซอง พอดีผมก็กลัวว่าโทรศัพท์จะรบกวนปาร์ตี้ของพวกเราน่ะฮะ ก็เลย...” ซองมินว่าพลางชี้ไปยังมุนฮวาที่ยังถืออาวุธ (สายยางฉีดน้ำ) เอาไว้มั่น แล้วใช้มืออีกข้างล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าแล้วชูขึ้นตรงหน้า

            “ไว้ใจพ่อได้เลยหนูมิน พ่อดูแลทุกเครื่องอย่างดี พ่อกลัวแบตฯหมดน่ะ เลยปิดเครื่องให้ทุกเครื่องซะเลย” มุนฮวาบอกด้วยเสียงหัวเราะที่เหล่าเมะรู้สึกว่ามัน...น่ากลัวยังไงไม่รู้

            นี่พี่คิบอมสู้รบกับคุณพ่อหวงลูกขั้นสุดมาได้ยังไงตั้งหลายปีวะ!!


            “ตามที่ได้ยินฮะ” ซองมินยิ้มหวาน พลางส่งฟักทองคำสุดท้ายเข้าปาก แต่เหมือนว่าคำตอบนี้จะทำให้คยูฮยอนขยับเข้ามาหาคิบอมนิด คนเจ้าเล่ห์ขมวดคิ้วเข้าหากันน้อยๆ แล้วถามเสียงเบา

            “ทำไมตอนนั้นดงแฮโทรหาพี่ได้ล่ะ”

            คำถามที่คิบอมกระตุกยิ้มมุมปาก มือใหญ่ยังยกขึ้นกอดอกหลวมๆ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

            “ฉันมีเครื่องสำรองให้ดงแฮเสมอ” คำตอบที่บ่งบอกว่าคิบอมเตรียมพร้อมรับมือกับพ่อตาคนนี้ทุกรูปแบบที่ทำเอาคนทีได้ยินได้แต่มองอย่างทึ่งๆ

          เออเนอะ ก็พี่แกสู้กันมาตั้งหลายปี ได้ข่าวว่าทุกวันนี้ยังเถียงกันไม่จบเลยนี่นะ

            “หวาาาา!!! อุคกี้ ไม่เอานะ ลงไปเลย ลงป๊ายยยยย”

            “ไม่เอาอ่ะ ด๊อง จับตัวฮยอกสิ ฉันอยากเห็นตอนใส่กี่เพ้าอ่ะ!

            กึก

            แต่แล้ว เสียงจากด้านบนก็ดังลงมาให้มาเฟียที่ยืนนิ่งๆ แต่อารมณ์กรุ่นใช่ย่อยหันขวับขึ้นไปมองทันที ได้ยินเสียงสาวๆ เหมือนกำลังปลุกปล้ำเล่นอะไรกันอยู่ แทรกด้วยเสียงร้องของฮยอกแจที่ดังออกมา

            “อ๊ากกก ฉันใส่เองได้ อย่ามาจับแก้ผ้ากันอย่างนี้นะ!!!

            “ทำไมเล่า เมื่อกี้ฉันยังอาบน้ำพร้อมด๊องเลย พี่ทึกกี้ ช่วยหน่อยฮะ” เรียวอุคยังส่งเสียงบอกเจือด้วยเสียงหัวเราะ อย่างที่อีทึกที่กำลังชะโงกตัวผ่านหน้าต่างห้องนอนหันกลับไปมอง แล้วยิ้มกว้าง ก้าวเข้าไปช่วยรุ่นน้องที่ปลุกปล้ำกับลูกเจี๊ยบที่ไม่ยอมใส่ชุดนอนกี่เพ้าตัวสวยท่าเดียว

            เอื้อก

            เยซองสาบานได้ว่าแอบกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ เมื่อเห็นสายตาเข้มจนน่ากลัวของสองผู้มีอิทธิพล ใจนึกอยากหัวเราะดังๆ กับความแสบของคนรัก

          พี่เย่ช่วยไม่ได้นะตัวเล็ก ถ้าพี่คิบอมและพี่ฮันจะเล่นงานน่ะ คิดได้ไง ไปจับทั้งปลาทั้งไก่แก้ผ้าน่ะ

            แล้วเพียงไม่นาน สามสาวที่หายกันไปก็ขยับมาชะโงกหน้าตรงที่หน้าต่างเมื่อเห็นอีทึกบอกว่ามีใครอยู่ที่หน้าบ้าน

            ภาพสวยๆ ของดงแฮที่ยามนี้ใส่เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ที่คิบอมมั่นใจว่าเป็นของตัวเอง ริมฝีปากกระตุกยิ้มขึ้นนิด แน่นอนล่ะว่าดงแฮใส่เสื้อเขานอนเป็นประจำ และมักจะตื่นมาด้วยสภาพเปลือยเปล่าทุกครั้ง

            ถัดมา ฮยอกแจที่โผล่มาแค่ครึ่งตัวก็อยู่ในชุดกี่เพ้าเว้าแขนสีขาวสะอาดตาที่ทำให้มาเฟียหนุ่มชะงักไปชั่วครู่ นึกอยากบุกชิงตัวเมียก็ตอนนี้ แล้วถัดไปอีกหน่อย เรียวอุคก็อยู่ในชุดนอนสีม่วงพอดีตัวที่ดูน่ารักน่ากอดยังไงไม่รู้ แต่จะดีกว่านี้มาก ถ้าทุกคนที่พูดมาอยู่กับสามีตัวเองที่เตียง

            “มินมิน พี่ซิน ขึ้นมาอาบน้ำสิ พวกเราใช้ห้องน้ำเสร็จแล้ว” แล้วดงแฮก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวสายตาใคร นอกจากตะโกนลงไปบอกกับรุ่นพี่และซองมินที่อาสาล้างจานเมื่อครู่อย่างน่ารัก ที่ทำให้เจ้าของชื่อทั้งสองผละเข้าบ้านไปทันที

            “ซินครับ ดะ...”

            “เอาไว้ยังไง พรุ่งนี้ซีวอนค่อยมารับฉันนะ” ยังไม่ทันที่ซีวอนจะเอ่ยห้าม ฮีชอลก็หันมายิ้มหวานๆ มือเรียวโบกให้น้อยๆ แล้วก้าวเข้าบ้านไปทันทีอย่างไม่คิดกลับไปกับคนรักในเวลานี้

            ไม่ต่างจากซองมินที่โบกมือหย๊อยๆ

            “บ๊ายบาย คยู วันนี้พักเครื่องนะ” ว่าแล้ว กระต่ายตัวน้อยก็ไม่คิดสนใจคนเล่นเกมเลยสักนิด แล้วก้าวขึ้นบ้านไปอย่างรวดเร็วที่ทำเอาคยูฮยอนถึงกับค้าง

            “กูว่ามึงเล่นเกมมากไปว่ะ ไม่อยากจะบอกเลยไอ้คยู หน้ามินมินของแกน่ะ โคตรสะใจเลยว่ะ” แล้วเยซองก็ขยับมากวนประสาทเพื่อนจนได้ ทำเอาคยูฮยอนตวัดสายตาฉับ

            “เดี๋ยวจะถูกถีบไอ้เย่!” หมาป่ารูปหล่อได้แต่เอ่ยลอดไรฟันอย่างแค้นๆ

            “มึงไม่ต้องเลย มึงก็ไม่ได้นอนกอดตัวเล็กเหมือนกันล่ะวะ”

            “ฮ่าๆๆๆ ไม่เป็นไร พอดีวันนี้กูมีงาน ไม่นอนกอดสักคืนคงไม่ตายหรอก” แล้วเยซองก็ไม่เสียเวลาในการคิดกวนประสาทเพื่อนสักนิด บอกด้วยเสียงกวนๆ แล้วขยับไปหารุ่นพี่ทั้งสองที่ยืนพิงรถอยู่ บ่งบอกว่า...ยอมแพ้ในการตามตัวเมียคนแรก

          ตัวเล็กของเขาบอกชัดเจนแล้วนี่หว่า ถ้าดึงดันจะเอาตัวกลับบ้าน ท่าทางจะ...งอนยาว เดี๋ยวผีเข้าอย่างเมื่อก่อนอีก เขาเนี่ยล่ะที่จะสยอง

            “คังอิน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมารับนะ” อีทึกก็เป็นอีกคนที่โบกมือน้อยๆ แล้วผลุบหายไปหาเพื่อนสนิทแทน จนหมียักษ์อ้าปากค้าง

            “ยอมแพ้เถอะพี่” เยซองว่าอย่างขำๆ ที่ทำเอาคนรักเมียได้แต่ยอมถอย

            ฟึ่บ

            เมื่อเห็นว่าเพื่อนหลายคนยอมรับความพ่าบแพ้ครั้งนี้ ฮันคยองก็ขยับจากรถคันหรู ชายหนุ่มก้าวมายังมุนฮวาด้วยใบหน้านิ่งๆ อย่างที่ฮยอกแจที่มองอยู่ได้แต่กลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่

            “พี่ฮะ...”

            “นึกหรือว่าฉันจะกลัวมาเฟียน่ะ ถอยไปเลย ไอ้ลูกเขยฉันยังไม่กลัว นับประสาอะไรกับแกห้ะ หานฮันคยอง” แล้วลีมุนฮวาก็ไม่ทำให้เสียชื่อคุณพ่อจอมหวง นอกจากกอดอกฉับ ทำท่าจะฉีดน้ำใส่ทุกเมื่อที่มาเฟียหนุ่มก้าวผ่านประตูรั้ว

            “ฮึ...ผมก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจคุณ” ฮันคยองว่าเรียบๆ ทั้งที่ดวงตาฉายแววเหี้ยมแบบที่คนอื่นคงเข่าทรุดไปแล้ว แต่ทำให้มุนฮวาเพียงชักสีหน้าไม่พอใจเด็กรุ่นลูก แล้วก็เอ่ยคำที่ทำให้คนฟังชะงักค้าง

            “อ้อ ไม่น่าล่ะ พ่อของหนูฮยอกถึงมาบ่นให้ฉันฟังบ่อยๆ ว่าลูกเขยมันไม่เกรงใจ เดี๋ยวจะพาไปจีนก็ไป ทั้งที่ยังไม่ได้เอ่ยปากตอบตกลงสักคำ แถมไม่ค่อยยอมให้หนูฮยอกกลับค้างที่บ้าน ถึงแม้ว่าเพื่อนฉันจะกลัวแก แต่ฉันไม่กลัว ลองก้าวข้ามรั้วมาสิ ฉันจะยุให้เพื่อนฉันรู้ว่าหานฮันคยอง ไอ้มาเฟียคนนี้แหละไม่ใช่คนดีพอที่หนูฮยอกควรจะแต่งงานด้วย”

            “...”

            เงียบกริบ

            ทั้งบริเวณ ทั้งดอกไม้ ต้นไม้ ใบหญ้า หรือแม้กระทั่งเสาไฟก็เงียบกริบเมื่อสิ้นคำของชายวัยกลางคนที่หวงลูกยิ่งชีพ แล้วฮันคยองก็เข้าใจความลำบากของเพื่อน...ในวินาทีนี้

            จุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวของมาเฟียหนุ่มก็คือ...ฮยอกแจ และแน่นอนว่าเหมารวมถึงครอบครัวลูกเจี๊ยบตัวน้อยด้วย เขารู้ดีว่าเขายังเข้ากับครอบครัวของคนตัวบางไม่ค่อยได้ เจอกันทีไร ฝ่ายนั้นก็แสดงออกว่ากลัวเขาอย่างชัดเจน ทั้งที่เขาพยายามแสดงท่าทีอ่อนลงยังไงก็ตาม ดังนั้น หากพ่อตาแม่ยายเขาเกิดเจอแรงยุขึ้นมาแล้วเกิดเกลียดกลัวเขาจริงๆ...ใครล่ะที่จะเสียใจ ถ้าไม่ใช่...ฮยอกแจ

            ความคิดที่สลับซับซ้อนไปหลายทบ ทำให้มาเฟียหนุ่มที่ทำท่าจะก้าวเข้าไปในบ้านอย่างคนไม่เกรงกลัวใครตัดสินใจ...ก้าวถอยหลังไปยืนทีเดิม

            “เออ ต้องอย่างนี้สิ พูดง่ายว่าลูกเขยฉันเยอะ...โอเคนะหนูฮยอก คืนนี้ค้างที่นี่ได้ พ่อโทรบอกพ่อแม่หนูแล้ว” มุนฮวาเงยหน้าขึ้นไปบอกเพื่อนสนิทลูกชายที่เขารักเหมือนลูกคนหนึ่ง ท่ามกลาง...ความพ่ายแพ้อย่างเงียบๆ ของหานฮันคยอง

            “เข้าใจแล้วสิ” คิบอมถามเรียบๆ แบบที่มาเฟียหนุ่มกัดฟันแน่น

            “ชัดเจนเลยล่ะ”

            แล้วเหมือนท่าทางยินยอมของฮันคยองก็ทำให้ฮยอกแจยิ้มหวาน ก้มลงไปคุยกับบิดาเพื่อนบ่งบอกความสนิทสนม

            “ขอบคุณฮะพ่อ” ฮยอกแจบอกด้วยรอยยิ้ม ทั้งที่แอบกลัวสายตาคาดโทษของพี่ฮันนิดๆ แต่เขาก็อยากนอนค้างกับเพื่อนนี่นา เมื่อเห็นว่าทางนั่นยอมถอย เขาก็...โล่งใจ

            เวลานี้ คนที่ยังไม่แสดงออกว่ายอมแพ้จึงมีแค่คิบอมและซีวอน แต่แล้วลีมุนฮวาก็หรี่ตาน้อยๆ มองชายหนุ่มรูปหล่อที่ดูสุภาพกว่าคนอื่นอย่างซีวอนด้วยสายตาไม่ชอบใจ

            “คนนี้น่ะหรือที่เคยทำให้หนูซินร้องห่มร้องไห้มาหาด๊องแด๊งกลางดึก”

            ฉึก

            ซีวอนสาบานได้ว่าถูกคำพูดปักลงกลางอกกับคืนที่เขาเคยมีอะไรกับเจ้าหญิงด้วยฤทธิ์ยาปลุกเซ็กส์ ใบหน้าคมคายจืดเจื่อนไปนิด จนชายวัยกลางคนพยักหน้ากับตัวเอง

            “ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอกับหนูซินเคยทะเลาะเรื่องอะไรกัน แต่คนเป็นพ่อ (ของรุ่นน้อง) แบบฉันไม่ยอมให้คนอย่างนี้ก้าวเข้าบ้านเด็ดขาด ลองเข้ามาสิ ฉันเอาตายน่ะ!!” คำประกาศก้องที่ชัดเจน อีกทั้งยังเคยมีความผิดติดตัว จนซีวอนยอมก้าวถอยหลังเป็นคนเกือบสุดท้าย

          คิบอมมันสู้กับพ่อตามันได้ยังไง

            ความคิดที่ยืนยันความคิดคนอื่นเป็นเท่าตัว แต่เหมือนคนที่สู้รบมานานอย่างคิบอมจะไม่สะทกสะท้าน นอกจากยอมขยับมาหาพ่อตาทีทะเลาะจนสนิทกันดี

            “ถ้าคุณพ่อฉีดน้ำใส่ผม ดงแฮจะวิ่งลงมาแน่ๆ จะเอาแบบนั้นหรือครับ” คำพูดเรียบๆ แต่เหมือนจะชนะน็อกคุณพ่อที่รู้จักนิสัยลูกชายตัวเองดี จนสายยางที่จะฉีดน้ำใส่ถูกเอาไว้ข้างตัว แล้วคนเย็นชาก็เอ่ยเสริมต่อ

            “แล้วถ้าผมเปียก ดงแฮก็ไม่ยอมให้ผมกลับบ้านทั้งๆ ที่เปียกแน่ ผมก็คงต้องเข้าไปอาบน้ำในบ้าน” เหตุผลต่อมาดังขึ้นทันที แบบที่ทำเอาเมะหลายคนนึกทึ่ง ยิ่งกับท่าทีเข่นเขี้ยวของลีมุนฮวาที่อาจจะแพ้ครั้งแรกของวันนี้

            “แล้วจะเอายังไง ไอ้ลูกเขย เรื่องที่ฉันจะให้ด๊องแด๊งกลับมานอนที่บ้านสัปดาห์ละครั้งยังไม่เคลียร์เลยนะ” มุนฮวาว่าเสียงเข้มกับลูกเขยที่สู้กันแพ้ชนะมาหลายยก

            “อ้าว พ่อคิบอมกับเพื่อนๆ มาทำอะไรกันที่นี่ล่ะเนี่ย”

            ขวับ

            แต่ก่อนที่คิบอมจะเอ่ยอะไรออกมา คุณแม่ซอนแฮที่เพิ่งรู้ตัวว่ามีแขกมาที่บ้านหลายคนก็ก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มหวาน (ทั้งที่ควรจะรู้ตั้งแต่เสียงรถวิ่งมาจอดหน้าบ้านแล้ว) ดวงตาคู่สวยที่เหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าสามีทำการ กีดกัด ขัดขวาง ยืนขวาง นอนขวางไม่ให้ใครเข้าบ้าน ทำให้มุนฮวานึกหวาดๆ ในใจ

            ก็ถ้าเมียเขาอนุญาต ทุกอย่างที่ทำมาตั้งแต่ต้นอาจจะเป็นศูนย์เลยก็ได้

            “พอดีผมมารับดงแฮไปดูเรื่องการ์ดงานแต่งน่ะครับ” คิบอมบอกด้วยรอยยิ้มที่ยกขึ้นนิด ทั้งที่โกหกคำโต ในเมื่อจะไปดูการ์ดงานแต่งที่ไหนตอนเกือบทุ่มแบบนี้ แต่รู้ว่าได้ผลเสมอ

            “ตายจริง วันนี้คงไม่ได้หรอกนะพ่อคิบอม หนูมินมินกับหนูอุคกี้บอกแม่ว่าวันนี้จะมาทำขนมกับแม่ แล้วก็นอนค้างที่นี่น่ะ อีกอย่างกำชับเอาไว้ว่าห้ามให้พ่อคิบอมกับเพื่อนๆ เข้าบ้านน่ะ แม่ก็รับปากไปแล้ว พ่อคิบอมคงไม่อยากให้แม่เสียคำพูดใช่มั้ย”

            เมื่อพูดถึงขั้นนี้ คิบอมจะทำอะไรได้

            “ฮ่าๆๆๆๆ ชัยชนะอันขาวสะอาด กลับบ้านพวกเธอไปได้แล้ว วันนี้ฉันจะนั่งเฝ้าหน้าบ้านไม่ให้ใครผ่านไปได้ ไปๆๆๆ กลับไปให้หมด เกะกะขวางทาง” และแล้ว ชัยชนะของมุนฮวาในรอบหลายเดือนก็เกิดขึ้น ทั้งยังขยับโบกมือไล่บรรดาลูกเขยและเพื่อนอย่างไม่เกรงกลัว

            โดยที่เหนือขึ้นไป ร่างบางๆ หกคนก็กำลังโบกมือน้อยๆ บ่งบอกว่า...ปาร์ตี้ชุดนอนรับแต่เคะเท่านั้น ส่วนเมะๆ ทั้งหลาย...เชิญกลับบ้านไปนอนกอดหมอนข้างคนเดียวเถอะนะ

            สรุปแล้วคดีเมียหายก็จบลงที่...ชัยชนะของคุณพ่อลีมุนฮวา (หรือว่ากันตามจริง อาจจะเป็นคุณแม่ซอนแฮก็เป็นได้)

.......................................................


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น