วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Special CL_4 มื้อค่ำที่แสนวุ่น

Special CL_4 มื้อค่ำที่แสนวุ่น



            แสงสุดท้ายของวันลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ยามที่รถตู้คันใหญ่สีดำสนิทเลี้ยวเข้ามาจอดบริเวณอาคารแห่งหนึ่ง โดยที่บริเวณหน้าภัตตาคารหรูก็มีผู้จัดการร้านยืนรอต้อนรับอยู่แล้ว ในเมื่อวันนี้ภัตตาคารแห่งนี้ได้มีโอกาสต้อนรับชายหนุ่มสองคนที่ถือว่าเป็นบุคคลที่มีอำนาจเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชียเนี่ยนะ แล้ววันนี้ก็คงพิเศษกว่าทุกทีเพราะว่า...ข้างกายของชายหนุ่มทั้งสองมีใครบางคนมาด้วย

            ใครบางคนที่มีใบหน้าน่ารัก รูปร่างเล็กบอบบางเหมือนไร้พิษสงใดๆ แต่ใครจะรู้เท่าลูกน้องของคิบอมและฮันคยองล่ะว่า คนตัวเล็กทั้งสองนี้...มีอำนาจยิ่งกว่าใคร

            ในเมื่อ...เป็นผู้กุมหัวใจของมัจจุราชตัวร้ายเอาไว้ทั้งดวง

            “แล้วมินมินกับอุคกี้เป็นยังไงบ้างล่ะ” ฮยอกแจที่หายไปจากเกาหลีเสียเป็นเดือนยังคงถามเพื่อนสนิทที่กอดแขนกันมั่นอย่างสงสัย จนคนต้องตอบยิ้มหวาน แล้วบอก

            “มินมินทำงานกับพี่คยูน่ะ พี่เขาไม่ยอมให้ไปทำงานที่อื่น โทรมาเมื่อวันก่อนบอกว่าเล่นเกมหนักอะไรก็ไม่รู้ ส่วนตกลงอุคกี้เรียนต่อแล้วนะ กลับไปเป็นรุ่นน้องพี่เยซองอยู่ดี” ข่าวคราวในช่วงที่ไม่อยู่เกาหลีถูกบอกเล่าอย่างน่ารัก ยามที่สองสาวก็คุยเจื้อยแจ้วกันมาตลอดทาง เรียกว่าขึ้นรถตู้คันใหญ่ที่มารับปุ๊บก็พากันไปนั่งอยู่ด้านหลัง ปล่อยให้คนรักทั้งสองได้แต่มองหน้ากันอย่างขำๆ

            แม้ว่าอาการขำของคิบอมจะสื่อผ่านแค่ดวงตาก็เถอะ

            “จริงหรือ คิดถึงจังเลย เดี๋ยววันไหนโทรนัดมาเจอกันได้มั้ยอ่ะ ไปเจอกันร้านพี่ทึกกี้กับพี่ซินเนอะ” ฮยอกแจว่าด้วยรอยยิ้มน้อยๆ วางแผนเสียเสร็จสรรพจนคนฟังร้องบอกอย่างเห็นด้วย

            “นี่ๆ ฮยอก ด๊องมีความคิดดีๆ แหละ...” แล้วดงแฮก็เอ่ยออกมาอย่างนึกขึ้นได้ ขณะที่ทั้งสองกำลังก้าวตามชายหนุ่มทั้งสองที่ยืนรออยู่นอกตัวรถแล้ว จนลูกไก่ตัวน้อยหันมามองอย่างอดระแวงไม่ได้

            ความคิดดีๆ ของเจ้าปลาต๊องแห่งชมรมคหกรรมเหมือนจะไม่ดีสักเท่าไหร่นี่นะ

            “อะไร”

            “ก็...ทำไมเราไม่ทำอย่างเมื่อก่อน พวกเราก็มานอนค้างบ้านด๊องไง มากันให้ครบอย่างที่เราเคยทำตอนปีหนึ่งน่ะ”

            กึก

            ดงแฮเสนอความคิดออกมาง่ายๆ แต่แทนที่จะเป็นฮยอกแจที่สนใจกับคำนี้ที่สุด ประโยคสั้นๆ นี้กลับทำให้คิบอมและฮันคยองเหลือบมามองกันทันที คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก

            “ฉันเห็นดะ...”

            หมับ

            “เดี๋ยวพวกเธอค่อยคุยกันต่อ ฉันหิวแล้ว” แต่ก่อนที่ฮยอกแจที่กำลังทำตาโต ยกมือแตะกันจะตอบตกลง ฮันคยองก็จัดการวาดแขนรอบเอวบอบบางแล้วออกแรงเพียงนิด ร่างบอบบางก็ถลาเข้ามาในอ้อมกอดแกร่ง เสียงทุ้มเอ่ยแทรกขึ้นมาทันควัน ทั้งยังใช้ดวงตาโหดๆ ที่อ่อนแสงลงนิดมองคนในอ้อมกอด

            ท่าทางที่ทำให้ฮยอกแจแก้มแดงเรื่อขึ้นมาทันที แต่อดีตลูกไก่ตัวน้อยก็ทำใจสู้มังกรด้วยการสบตาคู่คมแล้วบอกเสียงเบา

            “ก็ผมคิดถึงเพื่อนนี่ฮะ...แต่พี่ฮันหิวแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยก็ได้” เสียงใสบอกเบาๆ อย่างเอาใจที่คนฟังก็พอใจ ริมฝีปากถึงกระตุกเป็นรอยยิ้มนิดๆ ยามที่กระชับเอวบางแล้วก้าวนำไปยังอาคารตรงหน้า ทั้งที่ก่อนจะก้าวไปก็หันมาสบตากับคิบอมอย่างรู้กัน

            ภาพที่ทำให้ดงแฮที่ได้แต่เอียงคออย่างงงๆ แต่ก็ไม่ว่าอะไร เมื่อคิบอมโอบเข้าที่ไหล่บอบบาง มีเพียงเสียงหวานที่ว่าอย่างไม่เข้าใจ

            “ง่า ด๊องยังไม่รู้เลยว่าฮยอกจะเอายังไง พี่คิบอมว่าไงฮะ ด๊องว่าเรียกเพื่อนๆ มานอนที่บ้านก็น่าสนุกดีนะฮะ” แล้วคนน่ารักที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าข้อเสนอนี้แทบจะถูกเมะทั้งสองหักครึ่งโยนลงทะเลก็เอ่ยถาม ใบหน้าสวยหวานก็เงยขึ้นมองคนรัก

            “หึๆ ไม่รู้สิ แต่ตอนนี้เข้าไปกันก่อนเถอะ ฉันก็หิวแล้วเหมือนกัน...อาหารเมื่อกลางวันยังกินไม่อิ่มเท่าไหร่” คิบอมว่าไปอีกเรื่องหนึ่ง ยามที่ก้มลงมาสบตาวาวหวานด้วยแววตาที่มีความหมาย จนคนที่กึ่งๆ จะเข้าใจและไม่เข้าใจแก้มแดงน้อยๆ รู้เพียงว่าแววตาอย่างนี้ของพี่คิบอมไม่น่าจะหมายถึง...อาหารสักเท่าไหร่

          เอ เมื่อกลางวันพี่คิบอมกินข้าวไม่อิ่มหรือ ก็ทำมาเยอะนี่นา

            ความคิดของคนตัวเล็กที่ไม่รู้ว่าที่ไม่อิ่มน่ะ...ไม่ใช่ไม่อิ่มข้าว แต่น่าจะไม่อิ่มปลา...ซะมากกว่า

            ท่าทางที่ยังไม่เข้าใจความหมายดี ทำให้ชายหนุ่มมองด้วยสายตาอ่อนโยน มือใหญ่ก็โยกหัวทุยเบาๆ อย่างที่ดงแฮแย้มยิ้มหวาน ปัดความสงสัยออกจากใจ แล้วเอนหัวมาซบกับบ่าแกร่ง ยอมก้าวตามการนำของคนรักอย่างไม่เกี่ยงงอน ลืมเลือนเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้เสียเรียบร้อย

            แล้วเหมือนว่ามันจะเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มทั้งสองต้องการเสียด้วย...ก็ใครจะอยากให้เมียเอาเวลาที่ควรจะอยู่กับตัวเองไปปาร์ตี้เหล่าเคะล่ะ

            ความคิดที่หากซีวอน คังอิน เยซองและคยูฮยอนได้ยินคงตอบรับเป็นเสียงเดียว...ให้ไปนอนค้างด้วยกันแล้วแย่งเวลาที่พวกเขาควรจะได้กกเมียเนี่ยนะ...พับความคิดพวกนี้ลงทะเลไปเลยยิ่งดี

..........................................................

            ภายในร้านอาหารมีระดับ  บริเวณระเบียงชั้นลอยสีขาวประดับประดาด้วยดอกไม้หลากหลายพันธุ์ส่งกลิ่นหอมอ่อนจางในยามค่ำคืน วิวทิวทัศน์ที่แลเห็นแม่น้ำฮันเบื้องหน้าก็สวยงามจับตา มุมหนึ่งมีนักดนตรีคลาสสิคหลายคนยืนประจำที่พร้อมบรรเลงเพลงเพราะๆ ให้กับลูกค้าที่มาเยือน และวันนี้ ระเบียงขนาดใหญ่ที่มักจะต้อนรับลูกค้าก็มีเพียงโต๊ะตัวเดียวเพื่อแขกพิเศษที่จองเอาไว้เท่านั้น

            “งานที่โน่นเป็นไงบ้าง” ชายหนุ่มทั้งสองที่ก้าวไปยังโต๊ะสำหรับพวกเขาทั้งสี่ก็เปิดบทสนทนาเรื่องงานในทันที คำถามที่ฮันคยองก็เพียงยักไหล่ ทั้งที่ดวงตาคู่คมวาววับ ริมฝีปากแสยะยิ้มขึ้นเป็นรอยยิ้มเหี้ยม

            “ก็...ไม่มีอะไรมาก ถึงมี...ก็เก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว กะว่าปีนี้คงไม่กลับจีนยาวเลย ถ้าไม่มีเหตุด่วนอะไรจริงๆ” ฮันคยองตอบคำง่ายๆ โดยที่ลูกไก่ตัวน้อยข้างกายก็ช้อนตาขึ้นมามองนิดๆ แต่ร่างเล็กก็ไม่ได้สั่นสะท้านอย่างเช่นเมื่อก่อนที่ได้ยินเรื่องทำนองนี้

            คำว่าเก็บกวาดของพี่ฮันน่ะ มันมีความหมายไม่ต่างจาก...นี่นา

            คำพูดที่ฮันคยองยอมเอ่ยออกมาตรงๆ ทั้งที่หากเป็นเมื่อก่อนคงเลี่ยงที่จะพูด เพราะรู้...รู้ว่าฮยอกแจยอมรับได้แล้วว่ามีฐานะเป็นอะไร...มาดามมาเฟีย

            “ที่ไม่กลับน่ะเพราะงานเรียบร้อย หรือเพราะ...ใคร” แล้วคนยิ้มยากอย่างอดีตประธานสภานักศึกษาก็เอ่ยออกมาเรียบๆ ทั้งยังหันไปมองลูกไก่ตัวน้อยที่แก้มแดงนิดๆ รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังถูกพี่คิบอมแซวด้วยสายตายังไม่รู้

            “หึๆ ก็กลัวคนแถวนี้ร้องไห้คิดถึงบ้านน่ะ”

            “พี่ฮันฮะ” สิ้นคำของฮันคยอง ฮยอกแจก็ได้แต่ร้องแผ่วๆ ราวกับประท้วง แต่กับเสียงอ่อนๆ ตาเรียวๆ ที่ช้อนมองอย่างไม่กล้าว่าอะไรก็ทำให้ชายหนุ่มอดจะหัวเราะไม่ได้ ไม่ต่างจากคิบอมที่ยกมุมปากขึ้นนิดๆ

            “หรือไม่จริง ใช่ว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอนั่งมองปฏิทินดูว่าจะได้กลับเกาหลีเมื่อไหร่ทุกวันน่ะ” แล้วหนุ่มจีนก็เลิกคิ้วน้อยๆ ก้มมองคนที่แก้มแดงปลั่ง รีบก้มหน้างุดทันที แล้วบอกเสียงเบา

            “ก็ผมคิดถึงพ่อแม่ คิดถึงด๊อง คิดถึงเพื่อนๆ ทุกคนนี่นา” คำตอบที่คนฟังเพียงยกมือขึ้นมาลูบไปตามต้นแขนเล็กเบาๆ รับรู้ได้ว่าลูกเจี๊ยบตัวน้อยของเขาอดทนมากแค่ไหนกับการอยู่ที่จีน

            คำพูดที่ทำให้ดงแฮถึงกับยิ้มหวาน มือเรียวจิ้มแก้มตัวเองเบาๆ ยามที่มองภาพของเพื่อนรักเวลาอยู่กับพี่ฮันคยอง

          อืม ฮยอกดูมั่นใจมากขึ้น...ล่ะมั้ง


            “เหมือนคนแถวนี้ที่ร้องอยากเจอเพื่อนทุกวัน” แล้วคิบอมก็เปรยเรียบๆ หันมามองคนหน้าหวานที่กดหน้าหงึกหงักอย่างยอมรับ ในเมื่อทุกทีเขาก็ออกจะช้ากับสิ่งรอบข้าง แต่พอเห็นเพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันมาตลอดต้องไปไหนไกลๆ เขาก็อดจะคิดถึงไม่ได้นี่นา

            ก็มากขนาดที่ว่าวันนี้ยอมอยู่รอที่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ ต้องรีบมาหาพี่คิบอมถึงบริษัทไง

            “ก็ด๊องคิดถึงเพื่อนนี่ฮะพี่คิบอม ไม่เจอกันตั้งนาน ฟังแต่เสียงจะหายคิดถึงได้ยังไง” คำตอบของคนน่ารักที่ทำให้คิบอมลูบหัวเล็กเบาๆ อย่างเอ็นดู จนฮันคยองเอ่ยแทรกขึ้นมาขำๆ

            “ฉันได้ข่าวว่านายอยากเลื่อนงานแต่งขึ้นมาอีก” คำถามที่คิบอมยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม ดวงตาคู่คมก็ทอดมองคนตัวเล็กข้างกายที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวในอีกไม่นาน นึกไปถึงการถกเถียงที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งกับบิดาคนตรงหน้า

            แต่เขาไม่เคยคิดเบื่อหน่าย ไม่คิดรำคาญที่ต้องมาถกเถียงเรื่องเดิมๆ กับพ่อตา เพราะว่า...เรื่องนี้เป็นเรื่องของดงแฮ เป็นเรื่องของเรา งานแต่งของเรา ให้เถียงกับลีมุนฮวามากกว่านี้เขาก็ทำได้

            อีกอย่างเขาสัมผัสได้ ดงแฮสำคัญกับลีมุนฮวามากที่สุดซึ่งก็เหมือนกับเขา...ดงแฮสำคัญกับเขามากที่สุด เมื่อเป็นเรื่องของคนที่รักที่สุด ไม่แปลกที่ต่างฝ่ายต่างพยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนที่กำลังทำตาใสมองเขาในเวลานี้ไม่ใช่หรือ

            “ก็อยากอยู่ แต่คงยาก...ตอนนี้ยังเถียงเรื่องให้ดงแฮกลับไปค้างที่บ้านสัปดาห์ละครั้งอยู่เลย” คิบอมว่าเรียบๆ ขณะที่ยกมือลูบผิวแก้มขาวผ่องของคนตัวเล็กที่กำลังแย้มยิ้มหวาน ไม่ได้รับรู้ไปด้วยเลยว่าว่าที่สามีและพ่อสุดที่รักรบกันมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

            “เอ๋...จริงหรือฮะ...อ้ะ แหะๆ” แล้วฮยอกแจที่ฟังเงียบๆ ก็เอ่ยขึ้นมาอย่างสนใจ ดวงตาเรียวรีเบิกกว้างขึ้นนิดกับข้อตกลงที่ดูน่าสนใจไม่น้อย แต่เมื่อหันกลับมามองฮันคยอง...ก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ แล้วหันหนีไปทางอื่น

            “ล้มเลิกความคิดเลยลีฮยอกแจ แต่งเมื่อไหร่ ฉันไม่ยอมให้เธอนอนที่ไหนยกเว้นข้างฉันแน่ๆ” ฮันคยองว่าเรียบๆ แต่จริงจังเสียจนคนฟังแก้มแดงแปร๊ด

          ฮือ แล้วพี่ฮันจะบอกเสียงดังทำไมอ่า ไก่ก็เขินเป็นนะ

            “ละ...แล้วด๊องว่าไงอ่ะ” ฮยอกแจที่เห็นท่าไม่ดีรีบถามเพื่อนที่กำลังยิ้มหวานส่งให้พี่คิบอมทันที จนดงแฮเอียงคอน้อยๆ แล้วตอบคำอย่างน่ารัก

            “ด๊องยังไงก็ได้ ก็พี่คิบอมอยู่ไหน ด๊องก็อยู่กับพี่คิบอมน่ะ” คำตอบแสนน่ารักที่ทำให้คิบอมที่กำลังใช้หลังมือลูบไปตามผิวแก้มนิ่มขยับมาประคองแก้มใสเอาไว้ในฝ่ามือ ดวงตาคู่คมก็จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตอย่างแสนรัก

            แววตายิ้มได้ที่เรียกผิวแก้มขาวให้แดงเรื่อ

            “อีกอย่าง...ด๊องก็อยากทำหน้าที่ภรรยาพี่คิบอมแล้วด้วย” แล้วคนน่ารักก็ไม่มีอายที่จะเอ่ยออกมาเบาๆ แต่ทำให้เพื่อนสนิทหน้าแดงแปร๊ดกับคำพูดตรงแสนตรง อย่างที่หากพ่อมุนฮวาอยู่ด้วยคงความดันขึ้นหัวใจจะวายกับการตอบเต็มปากเต็มคำขนาดนี้

            คำพูดที่ทำให้คนฟังยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม แล้วจัดการก้มหน้าไปประทับริมฝีปากที่เรียวปากแสนน่ารักเบาๆ ทั้งยังขยับมากระซิบริมหู

          “ฉันก็ไม่ยอมให้เธอไปไหน ยกเว้นข้างกายฉันแน่ๆ”

            คราวนี้ดงแฮได้แต่ขยับหน้าไปเอนซบที่ไหล่แกร่งอย่างขัดเขิน มือเรียวก็กอดแขนอีกฝ่ายแน่นอย่างที่ทำให้คนตัวโตได้แต่ยิ้มกว้างอย่างที่เกิดขึ้นเฉพาะมีคนตัวเล็กในอ้อมกอด

            ภาพการแสดงความรักของคนสองคู่ที่เหมือนจะทำให้ระเบียงสีขาวนี้ดูหวาน...หวานด้วยความรู้สึกอุ่นๆ ที่ละมุนไปทั่วทุกหัวใจ

...............................................................

            


            ซ่า...ซ่า

            สายน้ำเย็นๆ ไหลกระทบกับขอบอ่าง ยามที่เพื่อนรักเพื่อนสนิทสองปลาไก่ออกมาเข้าห้องน้ำด้วยกัน เสียงหวานๆ ก็ดังเจื้อยแจ้วคุยกันไม่มีหยุดตามความคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันเสียนาน

            “นายไม่เขินบ้างหรือ” ฮยอกแจเอ่ยปากถามขึ้น ขณะที่จัดการเช็ดมือให้เรียบร้อย ขาเรียวก็ก้าวออกมาพร้อมกับเพื่อนสนิทอย่างที่ดงแฮขมวดคิ้วน้อยๆ จนต้องเอ่ยปากเสริม

            “...ก็ที่พี่คิบอมแสดงความรักน่ะ เวลาอยู่กับนาย พี่คิบอมดู...อุ่นล่ะมั้ง อุ่นกว่าปกติเยอะ” ฮยอกแจว่าเสียงเบา พลางหันซ้ายหันขวาอย่างเกรงว่าใครจะได้ยิน นึกไปถึงเมื่อก่อนที่พอเจอพี่คิบอมทีไร เขางี้หนาวสั่นไม่กล้าสบตา แต่พออยู่กับดงแฮทีไร พี่คิบอมก็ดูอุ่น...อุ่นจนรู้สึกว่าน่าเข้าใกล้กว่าทุกที

            คำถามที่ดงแฮหันมามอง ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักกับตัวเอง

            “ก็เขินบ้าง แต่พี่คิบอมอุ่นอยู่แล้วนะ จริงๆ พี่คิบอมเป็นคนอบอุ่นนะฮยอก...แล้วด๊องว่าน้า เวลาพี่ฮันอยู่กับฮยอกก็...ทำตาเหมือนยิ้มได้เลย” แล้วคนที่มองอะไรอย่างที่คนอื่นมักมองไม่ออกก็ทำมือเป็นรูปตัวยิ้ม ยามที่สบตากับเพื่อนสนิทที่แก้มแดงเรื่อ อุบอิบเสียงเบา

            “ยิ้มที่ไหนล่ะ พี่ฮันตาน่ากลัวจะตาย...” แต่ไก่ก็รักความน่ากลัวนี่นะ

            ดงแฮได้แต่หัวเราะคิกคักนิดๆ กับท่าทางของเพื่อน มือเรียวคว้าหมับเข้าที่มือเรียวแล้วจับจูงกลับยังระเบียงกว้างที่เดิมอย่างอารมณ์ดี

            ท่าทางของสองสาวที่ดีกรีความสวยสูสีกันมาเหมือนจะทำให้ชายหนุ่มหลายคนมองตามไม่ละสายตา สำหรับใครที่รู้ว่าสองคนนี้เป็นของใครก็พอจะหันหนีไปทางอื่นอย่างไม่อยากซวย แต่สำหรับบางคนที่ไม่รู้ก็ได้แต่อยากเข้ามาทำความรู้สึก...เหมือนเช่นคนนี้

            “มากันแค่สองคนหรือครับ” คำถามเกริ่นนำง่ายๆ ที่สามารถโยงไปเรื่องอื่นได้ดังขึ้นด้านหลัง จนคนฟังทั้งสองต้องหันไปมองจนเห็นชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งที่พยายามยิ้มหล่อมาให้ มือใหญ่ก็ทำท่าล้วงกระเป๋าเหมือนจะดูดี

            ท่าทางที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าคงมีจุดประสงค์จะเข้ามาจีบ จนฮยอกแจอึกอักในลำคออย่างไม่รู้จะเอ่ยอะไรดี

            “เอ่อ...คือว่า...” ฮยอกแจพึมพำเบาๆ ขณะที่ดงแฮก็เอียงคอน้อย ท่าทางน่ารักของสองสาวที่คนตัดสินใจก้าวเข้ามามองอย่างเพลินตา

          สวยด้วยกันทั้งคู่ จีบคนไหนดีวะ

            ฟึ่บ

            “พอดีคุณหนูสองคนนี้มากับเจ้านายผมน่ะครับ ยังอยากรู้มั้ยว่าเจ้านายของพวกเราคือใคร” แต่แล้วคนที่กำลังฝันกลางวัน (ที่เริ่มด้วยฝันดีและจบที่ฝันร้าย) ก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อชายในชุดดำสองสามคนก้าวเข้ามาประชิดร่างอย่างรวดเร็ว ทั้งยังบอกเสียงเข้มจนต้องหันขวับกลับไปมอง

            แล้วคิดดูสิว่า เล่นมาแบบใส่ดำทั้งชุดประหนึ่งไว้อาลัยให้ใคร อีกทั้งข้างเอวยังนูนน้อยๆ เหมือนเหน็บอะไรบางอย่างที่อาจจะเป็นสาเหตุของงานศพก็ทำเอาคนไม่ดูตาม้าตาเรือ (ที่อารมณ์นี้อาจจะเป็นตาน้ำแข็งตามังกร) สะดุ้งสุดตัว ส่ายหน้าขวับๆ ทันที

            “มะ...”

            “พอดีพวกเราไม่ได้มากับสองคนน่ะฮะ มากับพี่คะ...อืม คิมคิบอมและหานฮันคยองฮะ แล้วก็พี่ๆ อีกสองสามคน ยังไงพวกเราก็ขอตัวก่อนนะฮะ” ยังไม่ทันที่ชายโชคร้ายจะเอ่ยปฏิเสธ ดงแฮที่เงียบไปพักหนึ่งแล้วรู้สึกว่าเขาถามมาก็ต้องตอบไปก็เลยจัดการตอบคำถามเสียเสร็จสรรพ ทั้งยังแย้มยิ้มหวานส่งให้อีกทีเป็นการปิดท้าย

            ก็ถ้าบอกว่าพี่คิบอมและพี่ฮันคยองเขาคงไม่รู้ว่าใคร ก็เลยบอกชื่อเต็มนี่นา

            ว่าจบปุ๊บ ดงแฮก็จูงมือเพื่อนรักที่ได้แต่ยิ้มแห้งๆ อย่างนึกสงสารชายโชคร้ายไปอีกทาง ปล่อยให้คนในชุดดำหลายคนเกือบจะหลุดหัวเราะกับความน่ารักแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวของคุณหนูดงแฮ

            ความน่ารักที่บางทีชายโชคร้ายอาจจะไม่อยากรับรู้สักเท่าไหร่หรอกนะ ก็คิมคิบอมและหานฮันคยอง...แค่ได้ยินชื่อก็หนาวถึงทรวงแล้วนี่นะ

..................................................

            บริเวณระเบียงกว้างที่มีเพียงเพื่อนสนิททั้งสองกำลังเริ่มจิบเครื่องดื่มเป็นการปิดท้ายมื้ออาหารด้วยบรรยากาศที่ดูผ่อนคลายเสียจนน่าเข้าใกล้ ในขณะที่คิบอมวางมือประสานกันนิ่งๆ บนโต๊ะอาหารที่เก็บเรียบร้อยแล้ว ตรงกันข้าม ฮันคยองก็วางมือพาดไปตามเก้าอี้ที่ฮยอกแจลุกออกไปง่ายๆ

            ภาพของชายหนุ่มสองคนที่เวลานี้ดูมีอำนาจเสียยิ่งกว่าเมื่อก่อน ยิ่งยามที่อยู่ด้วยกันอย่างนี้ มันก็เป็นภาพที่แสนน่าดูเหลือเกิน แต่จะมีกี่คนที่ได้รู้ว่าภาพของชายหนุ่มทั้งสองน่าดูมากกว่าน่ากลัวเหตุผลเพราะ...คนทั้งสองที่ลุกออกไปเข้าห้องน้ำ

            ไม่อย่างนั้น ภาพนี้คงเหมือนสองมัจจุราชมากกว่าสองเทพบุตรอย่างเช่นเวลานี้

            ภาพที่พนักงานสาวที่ได้ขึ้นมาเสิร์ฟอาหารบนนี้อดไม่ได้จะยกยิ้มเพ้อๆ แล้วแน่ล่ะว่าในจำนวนทั้งหมดก็ย่อมมีคนใจกล้าที่อยากเสี่ยงอ่อยคนมีเจ้าของแล้ว ด้วยความคิดง่ายๆ...ยังไงผู้หญิงก็ต้องดีกว่าผู้ชายอยู่วันยันค่ำ

            แต่ในกรณีของสองหนุ่มนี่ สาวสวยแค่ไหนก็สู้เมียของตัวเองไม่ได้ทั้งนั้นแหละ

            “รับอะไรเพิ่มมั้ยคะ คุณคิบอม คุณฮันคยอง” น้ำเสียงหวานหยดของพนักงานสาวที่ส่งสายตามาตั้งแต่เริ่มมื้ออาหารทำให้เจ้าของชื่อทั้งสองเงยหน้าขึ้นมามอง จนเห็นหญิงสาวสองคนที่ยืนกุมมืออย่างสุภาพ แต่เหมือนว่าชุดพนักงานในตอนแรกที่มันดีอยู่แล้วกลับถูกปลดกระดุมออกมาอีกนิด

            อาการทอดสะพานที่รอให้ชายหนุ่มที่มีอำนาจทั้งสองก้าวเข้ามาทำให้คนมองเพียงยกมุมปากขึ้น ในเมื่อ พวกเขารับรู้มาตั้งแต่ต้น แต่ที่ไม่แสดงอาการอะไรออกมาก็เพราะเห็นว่าทั้งดงแฮและฮยอกแจไม่ได้รับรู้ไปด้วย

            “แล้วเมนูพิเศษที่สั่งเอาไว้ล่ะ” คิบอมเอ่ยปากง่ายๆ ยามที่ผ่อนร่างลงพิงกับพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย ดวงตาคู่คมตวัดขึ้นมามองนิ่งๆ ที่สองสาวพากันแก้มแดงน้อยๆ แล้วเอ่ยตอบคำ

            “อีกสักครู่ค่ะ แล้ว...”

            “ฉันไม่เอาอะไรแล้ว” ฮันคยองแทรกขึ้นมาทันที ยามที่จิบเพียงเครื่องดื่มของตัวเอง ในหัวก็กำลังคิดว่าถ้าลูกไก่ตัวน้อยของเขามาเห็นภาพนี้จะทำยังไง...ก็คงแอบน้อยใจหรือหึงอยู่เงียบๆ นั่นล่ะ

            ความคิดที่ทำให้ริมฝีปากโค้งขึ้นอย่างน่าดู จนคนมองนึกว่ามีความหวัง หญิงสาวรีบขยับไปฉวยขวดไวน์ที่สั่งเปิดขวดและเธอรินเติมให้หลายครั้งขึ้นมา จากนั้นก็ขยับเข้าไปใกล้

            “ดิฉันรินให้นะคะ” ว่าแล้ว หญิงสาวคนสวยก็จงใจเบียดหน้าอกของตนเข้าหากันอย่างพองามให้สองลูกดันตู้มขึ้นมาจนเห็นอย่างชัดเจน ยามที่รินเครื่องอื่มให้ด้วยท่าทางสุภาพ แต่สายตา...หวานฉ่ำจนคนมองก็สัมผัสได้

            ไม่ต่างกันนัก หญิงสาวอีกคนก็รีบก้าวเข้าไปหาเพื่อนที่กำลังยกเมนูของหวานสุดพิเศษประจำวันของเชฟใหญ่ขึ้นมา อีกทั้งยังยื้อแย่งมาถือไว้เอง ริมฝีปากก็พึมพำอย่างมั่นใจ

          คุณคิบอมต้องมองฉัน


            คำสั้นๆ ของคนที่มั่นใจในตัวเอง แล้วขยับมาวางจานของหวานที่เธอพอจะเดาออกว่าต้องเป็นของคนสองคนที่หายไปเข้าห้องน้ำแน่ๆ มือเรียวก็ทำงานอย่างคล่องแคล่ว จงใจวางให้ฝั่งของฮยอกแจก่อนแล้วเดินอ้อมมาที่นั่งของดงแฮ วางอย่างเรียบร้อย แล้ว...

            “อ้ะ!!

            ฟึ่บ

            แต่แล้วพนักงานคนสวยที่ไม่น่าจะพลาดก็กลับจงใจ๊จงใจสะดุดส้นสูงตัวเอง จนร่างบอบบางถลาเข้ามากอดที่แผ่นหลังแกร่งของคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มือเรียวขยับมากอดรัดรอบบ่าแข็งแรง อีกทั้งยังเอาหน้าอกของตัวเองดันที่แผ่นหลังกว้าง

          “พี่คิบอม!!

            “อ้ะ ขอโทษค่ะ ขอโทษ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ” แต่ก่อนที่คิบอมซึ่งกำลังขมวดคิ้วเข้าหากันจะลุกขึ้น เสียงหวานของคนที่หายไปเข้าห้องน้ำก็ดังขึ้น จนหญิงสาวที่จงใจอ่อยเต็มที่รีบลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทั้งยังโค้งให้เร็วๆ เหมือนกลัวความผิดที่ทำพลาดขนาดนี้ แต่ดวงตาคู่สวยกลับวาววับขึ้น

            เธอไม่ได้หวังว่าคุณคิบอมจะสนใจอะไรมากมาย แต่ถ้าได้สานต่อสักนิด...มันก็เป็นโชคมหาศาลนี่นะ

            ในขณะเดียวกัน ฮยอกแจก็จับมือเพื่อนเอาไว้แน่น ดวงตาเรียวสวยเบิกกว้างขึ้นนิดกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ตรงหน้า ก็เห็นแฟนตัวเองถูกผู้หญิงที่ไหนกอดเนี่ยนะ

            ตึก ตึก ตึก

            “ด๊อง...ใจเย็นนะ...” แต่แล้ว ดงแฮก็รีบปล่อยมือเพื่อนแล้วขยับเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว จนลูกเจี๊ยบตัวน้อยต้องร้องเบาๆ ขาเรียวก็รีบก้าวตามอย่างกลัวว่าเพื่อนกำลังหึงพี่คิบอมหรือเปล่า ทั้งที่มันคงเป็น...อุบัติเหตุ (ล่ะมั้ง)

            หมับ

            “ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะคะ...”

            “เป็นอะไรหรือเปล่าฮะ!!! ข้อเท้าเคล็ดหรือเปล่า พี่คิบอม ทำไงดีอ่ะ คุณคนนี้สะดุดส้นสูงขนาดนี้ เจ็บแย่เลย” พนักงานสาวที่เตรียมเล่นละครเต็มที่ถึงกับชะงักกึก เมื่อคนที่ก้าวเข้ามาจับไหล่เธอเอาไว้ถามด้วย...ความเป็นห่วง

            ลีดงแฮ ผู้ที่เห็นภาพคนอื่นกอดกับคนรักเต็มสองตาถามคิบอมอย่างไม่สบายใจ ยามที่ดวงตากลมโตก็กวาดมองข้อเท้าเรียวอย่างเป็นห่วง มือบางก็พยุงแขนของหญิงสาวคนนั้นเอาไว้อย่างเบามือ ท่าทางที่ทำให้ใครหลายคนพากัน...อึ้ง

            ก็แทนที่จะหึงที่ผู้หญิงมาอ่อยแฟนตัวเอง แต่ดันห่วงเขาซะนี่

            “หึๆ เขาไม่เป็นไรหรอกดงแฮ มานั่งมา ของหวานที่เธออยากชิมมาแล้วนะ” คงมีเพียงแค่คิบอมที่หัวเราะในลำคอ ทั้งยังเอื้อมมือมาคว้าข้อแขนเล็กที่ยังยืนอยู่ด้านหลังเบาๆ ให้ดงแฮยอมปล่อยมือจากพนักงานเสิร์ฟคนนั้นแล้วขยับมาทรุดนั่งบนเก้าอี้ ดวงตากลมโตยังคงมองหญิงสาวอย่างเป็นห่วง

            “แต่ล้มขนาดนั้น คงเจ็บแย่เลย” ดงแฮยังคงว่าเสียงเบา จนคนที่ไม่เคยเจอความซื่อสุดขอบโลกของลีดงแฮถึงกับพูดไม่ออก ไม่รู้เลยว่าคนน่ารักคนนี้เล่นละครทำเป็นคนดีหรือดีจริง จนได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วบอกเสียงเบา

            “ไม่ได้เจ็บอะไรหรอกค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”

            “ไม่เป็นไรฮะ” ดงแฮแย้มยิ้มหวาน ก่อนที่จะเอ่ยเสริมออกมาด้วยท่าทางที่ไม่แน่ใจเท่าไหร่

            “ว่าแต่ กระดุมเสื้อมันหลุดน่ะฮะ คุณคงไม่เห็น ติดดีกว่าฮะ สวยกว่าเยอะ” ดงแฮว่ายิ้มๆ พลางชี้ไปยังคอเสื้อของหญิงสาวที่ปลดกระดุมเสียหลายเม็ด มองโลกในแง่ดีว่ามันคงอารมณ์เหมือนลืมรูดซิปกางเกง จนคนฟังอ้าปากน้อยๆ มือเรียวจับหมับเข้าที่คอเสื้อ รู้สึกเหมือนคนตัวเล็กคนนี้ด่าเต็มๆ

            ว่าจบ ดงแฮก็หันไปสนใจขนมหวานสูตรพิเศษอย่างรวดเร็ว จนฮยอกแจที่คิดว่ามีเรื่องแน่ๆ หัวเราะเบาๆ ร่างบางก็ทรุดนั่งลงข้างฮันคยองแล้วสนใจของหวานที่อยู่ตรงหน้าบ้าง

            เขาน่าจะรู้ดีที่สุดนี่นาว่าเจ้าปลาต๊องมีวิธีคิดไม่เหมือนชาวบ้าน

            หมับ

            แต่ก่อนที่หญิงสาวคนนั้นจะผละกลับไปด้วยสภาพมึนๆ งงๆ คิบอมกลับคว้าข้อมือเล็กเอาไว้มั่นแล้วดึงเบาๆ จนใจเต้นแรง หันกลับมามองอย่างมีความหวัง

            กึก

          “ถ้าคิดทำอย่างนั้นอีก อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”

            แต่แล้วหัวใจที่กำลังเต้นแรงก็ยิ่งเต้นกระหน่ำด้วยความกลัวเมื่อสบเข้ากับดวงตาคมกริบที่บาดผิวเนื้อให้เป็นแผลได้ จนได้แต่รับคำเสียงสั่น ขยับไปอีกทางทันที รู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าไอ้ที่เธออ่อยไปน่ะไร้ผลแถม...อาจจะทำให้คุณคิบอมไม่พอใจก็เป็นได้

            ภาพที่ทำให้ฮันคยองแสยะยิ้มนิดๆ มือใหญ่ก็ขยับบอกให้รินไวน์จนพนักงานสาวอีกคนยิ้มหวาน ขยับเข้ามาเสียใกล้

            “อ้อ ฉันจะบอกด้วยว่า...” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตา ก่อนที่ดวงตาคู่คมจะมองไปยังเนินเนื้อขาวผ่องเพียงแวบเดียว ริมฝีปากแสยะขึ้นเป็นรอยยิ้มเหี้ยม

            “...ฉัน...ไม่ชอบกินนม” ว่าแล้ว นัยน์ตาคมที่อ่อนแสงจนน่าดูก็เข้มขึ้นทั้งยังฉายแววโหดจนหญิงสาวเสียวสันหลังวูบ มือไม้ที่รินไวน์สั่นขึ้นมาทันที รีบจัดการแล้วรีบขยับกลับไปยืนกับเพื่อนอย่างเกรงๆ

            สายตาเย็นเยียบของชายหนุ่มที่มีอำนาจทั้งสองที่อ่อนโยนลงทันทีเมื่อหันไปมองคนข้างกาย

            สายตาที่บอกใครต่อใครได้ชัดเจนว่าที่สองมัจจุราชดูใจดีกว่าทุกทีเพราะอะไร...ก็สองสาวแสนสวยที่กำลังพูดคุยกันถึงขนมหวานอย่างไม่ได้รับรู้เลยสักนิดว่ามีคนอยากยุ่งกับแฟนตัวเองยังไงล่ะ

            แต่ไม่รู้อย่างนี้...ก็ดีแล้วล่ะ

            “พี่คิบอมทานมั้ยฮะ” ดงแฮหันมายิ้มหวานให้คนรัก ทั้งยังตักขนมพอดีคำขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากได้รูป

            “เธอกินเถอะ ฉันรอกินอย่างอื่นมากว่า” คิบอมว่าเรียบๆ แต่ดวงตาคู่คมกลับน่ามอง มือใหญ่ก็ยกขึ้นลูบหัวทุยเบาๆ จนคนได้รับยิ้มหวาน ส่งของหวานเข้าปากตัวเองทันที

            “พี่ฮัน เมื่อกี้คุยอะไรกับพนักงานคนนั้นหรือฮะ” ขณะเดียวกัน ฮยอกแจก็หันมาถามอย่างสงสัย เมื่อหูแว่วเหมือนได้ยินอะไรนมๆ จนหนุ่มจีนเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ แล้วบอกง่ายๆ

            “บอกให้จัดการค่าอาหารน่ะ...พอดีว่า...” ฮันคยองโน้มหน้ามากระซิบริมหู

            “...อยากกลับห้องไปกินนมเมีย” ไม่อยากกินนมคนโน่น แต่ใช่ว่าไม่อยากกินจากคนนี้นี่นะ

            เท่านั้นแหละ ฮยอกแจก็เงียบกริบ ก้มหน้าก้มตาจัดการของหวานไปเงียบๆ ท่ามกลางสายตาของสองหนุ่มที่มองคนของตัวเองอย่างแสนรัก

            ก็บอกแล้ว...คนที่พิเศษและกุมหัวใจสองมัจจุราชตัวร้ายก็คงเป็นคนสวยสองคนที่ไร้พิษสงเนี่ย...จริงมั้ยล่ะ


......................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น