Special CL_4
มื้อค่ำที่แสนวุ่น
แสงสุดท้ายของวันลาลับขอบฟ้าไปแล้ว
ยามที่รถตู้คันใหญ่สีดำสนิทเลี้ยวเข้ามาจอดบริเวณอาคารแห่งหนึ่ง โดยที่บริเวณหน้าภัตตาคารหรูก็มีผู้จัดการร้านยืนรอต้อนรับอยู่แล้ว
ในเมื่อวันนี้ภัตตาคารแห่งนี้ได้มีโอกาสต้อนรับชายหนุ่มสองคนที่ถือว่าเป็นบุคคลที่มีอำนาจเป็นอันดับต้นๆ
ของเอเชียเนี่ยนะ
แล้ววันนี้ก็คงพิเศษกว่าทุกทีเพราะว่า...ข้างกายของชายหนุ่มทั้งสองมีใครบางคนมาด้วย
ใครบางคนที่มีใบหน้าน่ารัก
รูปร่างเล็กบอบบางเหมือนไร้พิษสงใดๆ
แต่ใครจะรู้เท่าลูกน้องของคิบอมและฮันคยองล่ะว่า คนตัวเล็กทั้งสองนี้...มีอำนาจยิ่งกว่าใคร
ในเมื่อ...เป็นผู้กุมหัวใจของมัจจุราชตัวร้ายเอาไว้ทั้งดวง
“แล้วมินมินกับอุคกี้เป็นยังไงบ้างล่ะ”
ฮยอกแจที่หายไปจากเกาหลีเสียเป็นเดือนยังคงถามเพื่อนสนิทที่กอดแขนกันมั่นอย่างสงสัย
จนคนต้องตอบยิ้มหวาน แล้วบอก
“มินมินทำงานกับพี่คยูน่ะ
พี่เขาไม่ยอมให้ไปทำงานที่อื่น โทรมาเมื่อวันก่อนบอกว่าเล่นเกมหนักอะไรก็ไม่รู้
ส่วนตกลงอุคกี้เรียนต่อแล้วนะ กลับไปเป็นรุ่นน้องพี่เยซองอยู่ดี”
ข่าวคราวในช่วงที่ไม่อยู่เกาหลีถูกบอกเล่าอย่างน่ารัก
ยามที่สองสาวก็คุยเจื้อยแจ้วกันมาตลอดทาง เรียกว่าขึ้นรถตู้คันใหญ่ที่มารับปุ๊บก็พากันไปนั่งอยู่ด้านหลัง
ปล่อยให้คนรักทั้งสองได้แต่มองหน้ากันอย่างขำๆ
แม้ว่าอาการขำของคิบอมจะสื่อผ่านแค่ดวงตาก็เถอะ
“จริงหรือ คิดถึงจังเลย
เดี๋ยววันไหนโทรนัดมาเจอกันได้มั้ยอ่ะ ไปเจอกันร้านพี่ทึกกี้กับพี่ซินเนอะ”
ฮยอกแจว่าด้วยรอยยิ้มน้อยๆ วางแผนเสียเสร็จสรรพจนคนฟังร้องบอกอย่างเห็นด้วย
“นี่ๆ ฮยอก ด๊องมีความคิดดีๆ แหละ...”
แล้วดงแฮก็เอ่ยออกมาอย่างนึกขึ้นได้
ขณะที่ทั้งสองกำลังก้าวตามชายหนุ่มทั้งสองที่ยืนรออยู่นอกตัวรถแล้ว
จนลูกไก่ตัวน้อยหันมามองอย่างอดระแวงไม่ได้
ความคิดดีๆ ของเจ้าปลาต๊องแห่งชมรมคหกรรมเหมือนจะไม่ดีสักเท่าไหร่นี่นะ
“อะไร”
“ก็...ทำไมเราไม่ทำอย่างเมื่อก่อน
พวกเราก็มานอนค้างบ้านด๊องไง มากันให้ครบอย่างที่เราเคยทำตอนปีหนึ่งน่ะ”
กึก
ดงแฮเสนอความคิดออกมาง่ายๆ
แต่แทนที่จะเป็นฮยอกแจที่สนใจกับคำนี้ที่สุด ประโยคสั้นๆ นี้กลับทำให้คิบอมและฮันคยองเหลือบมามองกันทันที
คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก
“ฉันเห็นดะ...”
หมับ
“เดี๋ยวพวกเธอค่อยคุยกันต่อ
ฉันหิวแล้ว” แต่ก่อนที่ฮยอกแจที่กำลังทำตาโต ยกมือแตะกันจะตอบตกลง ฮันคยองก็จัดการวาดแขนรอบเอวบอบบางแล้วออกแรงเพียงนิด
ร่างบอบบางก็ถลาเข้ามาในอ้อมกอดแกร่ง เสียงทุ้มเอ่ยแทรกขึ้นมาทันควัน
ทั้งยังใช้ดวงตาโหดๆ ที่อ่อนแสงลงนิดมองคนในอ้อมกอด
ท่าทางที่ทำให้ฮยอกแจแก้มแดงเรื่อขึ้นมาทันที
แต่อดีตลูกไก่ตัวน้อยก็ทำใจสู้มังกรด้วยการสบตาคู่คมแล้วบอกเสียงเบา
“ก็ผมคิดถึงเพื่อนนี่ฮะ...แต่พี่ฮันหิวแล้ว
เดี๋ยวค่อยคุยก็ได้” เสียงใสบอกเบาๆ อย่างเอาใจที่คนฟังก็พอใจ
ริมฝีปากถึงกระตุกเป็นรอยยิ้มนิดๆ ยามที่กระชับเอวบางแล้วก้าวนำไปยังอาคารตรงหน้า
ทั้งที่ก่อนจะก้าวไปก็หันมาสบตากับคิบอมอย่างรู้กัน
ภาพที่ทำให้ดงแฮที่ได้แต่เอียงคออย่างงงๆ
แต่ก็ไม่ว่าอะไร เมื่อคิบอมโอบเข้าที่ไหล่บอบบาง
มีเพียงเสียงหวานที่ว่าอย่างไม่เข้าใจ
“ง่า
ด๊องยังไม่รู้เลยว่าฮยอกจะเอายังไง พี่คิบอมว่าไงฮะ ด๊องว่าเรียกเพื่อนๆ
มานอนที่บ้านก็น่าสนุกดีนะฮะ” แล้วคนน่ารักที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าข้อเสนอนี้แทบจะถูกเมะทั้งสองหักครึ่งโยนลงทะเลก็เอ่ยถาม
ใบหน้าสวยหวานก็เงยขึ้นมองคนรัก
“หึๆ ไม่รู้สิ
แต่ตอนนี้เข้าไปกันก่อนเถอะ
ฉันก็หิวแล้วเหมือนกัน...อาหารเมื่อกลางวันยังกินไม่อิ่มเท่าไหร่”
คิบอมว่าไปอีกเรื่องหนึ่ง ยามที่ก้มลงมาสบตาวาวหวานด้วยแววตาที่มีความหมาย
จนคนที่กึ่งๆ จะเข้าใจและไม่เข้าใจแก้มแดงน้อยๆ
รู้เพียงว่าแววตาอย่างนี้ของพี่คิบอมไม่น่าจะหมายถึง...อาหารสักเท่าไหร่
เอ
เมื่อกลางวันพี่คิบอมกินข้าวไม่อิ่มหรือ ก็ทำมาเยอะนี่นา
ความคิดของคนตัวเล็กที่ไม่รู้ว่าที่ไม่อิ่มน่ะ...ไม่ใช่ไม่อิ่มข้าว
แต่น่าจะไม่อิ่มปลา...ซะมากกว่า
ท่าทางที่ยังไม่เข้าใจความหมายดี
ทำให้ชายหนุ่มมองด้วยสายตาอ่อนโยน มือใหญ่ก็โยกหัวทุยเบาๆ
อย่างที่ดงแฮแย้มยิ้มหวาน ปัดความสงสัยออกจากใจ แล้วเอนหัวมาซบกับบ่าแกร่ง
ยอมก้าวตามการนำของคนรักอย่างไม่เกี่ยงงอน
ลืมเลือนเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้เสียเรียบร้อย
แล้วเหมือนว่ามันจะเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มทั้งสองต้องการเสียด้วย...ก็ใครจะอยากให้เมียเอาเวลาที่ควรจะอยู่กับตัวเองไปปาร์ตี้เหล่าเคะล่ะ
ความคิดที่หากซีวอน คังอิน
เยซองและคยูฮยอนได้ยินคงตอบรับเป็นเสียงเดียว...ให้ไปนอนค้างด้วยกันแล้วแย่งเวลาที่พวกเขาควรจะได้กกเมียเนี่ยนะ...พับความคิดพวกนี้ลงทะเลไปเลยยิ่งดี
..........................................................
ภายในร้านอาหารมีระดับ
บริเวณระเบียงชั้นลอยสีขาวประดับประดาด้วยดอกไม้หลากหลายพันธุ์ส่งกลิ่นหอมอ่อนจางในยามค่ำคืน
วิวทิวทัศน์ที่แลเห็นแม่น้ำฮันเบื้องหน้าก็สวยงามจับตา
มุมหนึ่งมีนักดนตรีคลาสสิคหลายคนยืนประจำที่พร้อมบรรเลงเพลงเพราะๆ
ให้กับลูกค้าที่มาเยือน และวันนี้ ระเบียงขนาดใหญ่ที่มักจะต้อนรับลูกค้าก็มีเพียงโต๊ะตัวเดียวเพื่อแขกพิเศษที่จองเอาไว้เท่านั้น
“งานที่โน่นเป็นไงบ้าง”
ชายหนุ่มทั้งสองที่ก้าวไปยังโต๊ะสำหรับพวกเขาทั้งสี่ก็เปิดบทสนทนาเรื่องงานในทันที
คำถามที่ฮันคยองก็เพียงยักไหล่ ทั้งที่ดวงตาคู่คมวาววับ
ริมฝีปากแสยะยิ้มขึ้นเป็นรอยยิ้มเหี้ยม
“ก็...ไม่มีอะไรมาก
ถึงมี...ก็เก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว กะว่าปีนี้คงไม่กลับจีนยาวเลย
ถ้าไม่มีเหตุด่วนอะไรจริงๆ” ฮันคยองตอบคำง่ายๆ
โดยที่ลูกไก่ตัวน้อยข้างกายก็ช้อนตาขึ้นมามองนิดๆ
แต่ร่างเล็กก็ไม่ได้สั่นสะท้านอย่างเช่นเมื่อก่อนที่ได้ยินเรื่องทำนองนี้
คำว่าเก็บกวาดของพี่ฮันน่ะ
มันมีความหมายไม่ต่างจาก...นี่นา
คำพูดที่ฮันคยองยอมเอ่ยออกมาตรงๆ
ทั้งที่หากเป็นเมื่อก่อนคงเลี่ยงที่จะพูด
เพราะรู้...รู้ว่าฮยอกแจยอมรับได้แล้วว่ามีฐานะเป็นอะไร...มาดามมาเฟีย
“ที่ไม่กลับน่ะเพราะงานเรียบร้อย
หรือเพราะ...ใคร” แล้วคนยิ้มยากอย่างอดีตประธานสภานักศึกษาก็เอ่ยออกมาเรียบๆ
ทั้งยังหันไปมองลูกไก่ตัวน้อยที่แก้มแดงนิดๆ รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังถูกพี่คิบอมแซวด้วยสายตายังไม่รู้
“หึๆ
ก็กลัวคนแถวนี้ร้องไห้คิดถึงบ้านน่ะ”
“พี่ฮันฮะ” สิ้นคำของฮันคยอง
ฮยอกแจก็ได้แต่ร้องแผ่วๆ ราวกับประท้วง แต่กับเสียงอ่อนๆ ตาเรียวๆ
ที่ช้อนมองอย่างไม่กล้าว่าอะไรก็ทำให้ชายหนุ่มอดจะหัวเราะไม่ได้
ไม่ต่างจากคิบอมที่ยกมุมปากขึ้นนิดๆ
“หรือไม่จริง
ใช่ว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอนั่งมองปฏิทินดูว่าจะได้กลับเกาหลีเมื่อไหร่ทุกวันน่ะ”
แล้วหนุ่มจีนก็เลิกคิ้วน้อยๆ ก้มมองคนที่แก้มแดงปลั่ง รีบก้มหน้างุดทันที
แล้วบอกเสียงเบา
“ก็ผมคิดถึงพ่อแม่ คิดถึงด๊อง
คิดถึงเพื่อนๆ ทุกคนนี่นา” คำตอบที่คนฟังเพียงยกมือขึ้นมาลูบไปตามต้นแขนเล็กเบาๆ
รับรู้ได้ว่าลูกเจี๊ยบตัวน้อยของเขาอดทนมากแค่ไหนกับการอยู่ที่จีน
คำพูดที่ทำให้ดงแฮถึงกับยิ้มหวาน
มือเรียวจิ้มแก้มตัวเองเบาๆ ยามที่มองภาพของเพื่อนรักเวลาอยู่กับพี่ฮันคยอง
อืม ฮยอกดูมั่นใจมากขึ้น...ล่ะมั้ง
“เหมือนคนแถวนี้ที่ร้องอยากเจอเพื่อนทุกวัน”
แล้วคิบอมก็เปรยเรียบๆ หันมามองคนหน้าหวานที่กดหน้าหงึกหงักอย่างยอมรับ
ในเมื่อทุกทีเขาก็ออกจะช้ากับสิ่งรอบข้าง แต่พอเห็นเพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันมาตลอดต้องไปไหนไกลๆ
เขาก็อดจะคิดถึงไม่ได้นี่นา
ก็มากขนาดที่ว่าวันนี้ยอมอยู่รอที่บ้านเฉยๆ
ไม่ได้ ต้องรีบมาหาพี่คิบอมถึงบริษัทไง
“ก็ด๊องคิดถึงเพื่อนนี่ฮะพี่คิบอม
ไม่เจอกันตั้งนาน ฟังแต่เสียงจะหายคิดถึงได้ยังไง”
คำตอบของคนน่ารักที่ทำให้คิบอมลูบหัวเล็กเบาๆ อย่างเอ็นดู
จนฮันคยองเอ่ยแทรกขึ้นมาขำๆ
“ฉันได้ข่าวว่านายอยากเลื่อนงานแต่งขึ้นมาอีก”
คำถามที่คิบอมยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม
ดวงตาคู่คมก็ทอดมองคนตัวเล็กข้างกายที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวในอีกไม่นาน
นึกไปถึงการถกเถียงที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งกับบิดาคนตรงหน้า
แต่เขาไม่เคยคิดเบื่อหน่าย
ไม่คิดรำคาญที่ต้องมาถกเถียงเรื่องเดิมๆ กับพ่อตา
เพราะว่า...เรื่องนี้เป็นเรื่องของดงแฮ เป็นเรื่องของเรา งานแต่งของเรา ให้เถียงกับลีมุนฮวามากกว่านี้เขาก็ทำได้
อีกอย่างเขาสัมผัสได้
ดงแฮสำคัญกับลีมุนฮวามากที่สุดซึ่งก็เหมือนกับเขา...ดงแฮสำคัญกับเขามากที่สุด
เมื่อเป็นเรื่องของคนที่รักที่สุด
ไม่แปลกที่ต่างฝ่ายต่างพยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนที่กำลังทำตาใสมองเขาในเวลานี้ไม่ใช่หรือ
“ก็อยากอยู่
แต่คงยาก...ตอนนี้ยังเถียงเรื่องให้ดงแฮกลับไปค้างที่บ้านสัปดาห์ละครั้งอยู่เลย”
คิบอมว่าเรียบๆ ขณะที่ยกมือลูบผิวแก้มขาวผ่องของคนตัวเล็กที่กำลังแย้มยิ้มหวาน
ไม่ได้รับรู้ไปด้วยเลยว่าว่าที่สามีและพ่อสุดที่รักรบกันมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
“เอ๋...จริงหรือฮะ...อ้ะ แหะๆ”
แล้วฮยอกแจที่ฟังเงียบๆ ก็เอ่ยขึ้นมาอย่างสนใจ ดวงตาเรียวรีเบิกกว้างขึ้นนิดกับข้อตกลงที่ดูน่าสนใจไม่น้อย
แต่เมื่อหันกลับมามองฮันคยอง...ก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ แล้วหันหนีไปทางอื่น
“ล้มเลิกความคิดเลยลีฮยอกแจ
แต่งเมื่อไหร่ ฉันไม่ยอมให้เธอนอนที่ไหนยกเว้นข้างฉันแน่ๆ” ฮันคยองว่าเรียบๆ
แต่จริงจังเสียจนคนฟังแก้มแดงแปร๊ด
ฮือ แล้วพี่ฮันจะบอกเสียงดังทำไมอ่า
ไก่ก็เขินเป็นนะ
“ละ...แล้วด๊องว่าไงอ่ะ”
ฮยอกแจที่เห็นท่าไม่ดีรีบถามเพื่อนที่กำลังยิ้มหวานส่งให้พี่คิบอมทันที จนดงแฮเอียงคอน้อยๆ
แล้วตอบคำอย่างน่ารัก
“ด๊องยังไงก็ได้ ก็พี่คิบอมอยู่ไหน
ด๊องก็อยู่กับพี่คิบอมน่ะ” คำตอบแสนน่ารักที่ทำให้คิบอมที่กำลังใช้หลังมือลูบไปตามผิวแก้มนิ่มขยับมาประคองแก้มใสเอาไว้ในฝ่ามือ
ดวงตาคู่คมก็จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตอย่างแสนรัก
แววตายิ้มได้ที่เรียกผิวแก้มขาวให้แดงเรื่อ
“อีกอย่าง...ด๊องก็อยากทำหน้าที่ภรรยาพี่คิบอมแล้วด้วย”
แล้วคนน่ารักก็ไม่มีอายที่จะเอ่ยออกมาเบาๆ
แต่ทำให้เพื่อนสนิทหน้าแดงแปร๊ดกับคำพูดตรงแสนตรง อย่างที่หากพ่อมุนฮวาอยู่ด้วยคงความดันขึ้นหัวใจจะวายกับการตอบเต็มปากเต็มคำขนาดนี้
คำพูดที่ทำให้คนฟังยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม
แล้วจัดการก้มหน้าไปประทับริมฝีปากที่เรียวปากแสนน่ารักเบาๆ ทั้งยังขยับมากระซิบริมหู
“ฉันก็ไม่ยอมให้เธอไปไหน
ยกเว้นข้างกายฉันแน่ๆ”
คราวนี้ดงแฮได้แต่ขยับหน้าไปเอนซบที่ไหล่แกร่งอย่างขัดเขิน
มือเรียวก็กอดแขนอีกฝ่ายแน่นอย่างที่ทำให้คนตัวโตได้แต่ยิ้มกว้างอย่างที่เกิดขึ้นเฉพาะมีคนตัวเล็กในอ้อมกอด
ภาพการแสดงความรักของคนสองคู่ที่เหมือนจะทำให้ระเบียงสีขาวนี้ดูหวาน...หวานด้วยความรู้สึกอุ่นๆ
ที่ละมุนไปทั่วทุกหัวใจ
...............................................................
ซ่า...ซ่า
สายน้ำเย็นๆ ไหลกระทบกับขอบอ่าง
ยามที่เพื่อนรักเพื่อนสนิทสองปลาไก่ออกมาเข้าห้องน้ำด้วยกัน เสียงหวานๆ ก็ดังเจื้อยแจ้วคุยกันไม่มีหยุดตามความคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันเสียนาน
“นายไม่เขินบ้างหรือ”
ฮยอกแจเอ่ยปากถามขึ้น ขณะที่จัดการเช็ดมือให้เรียบร้อย
ขาเรียวก็ก้าวออกมาพร้อมกับเพื่อนสนิทอย่างที่ดงแฮขมวดคิ้วน้อยๆ
จนต้องเอ่ยปากเสริม
“...ก็ที่พี่คิบอมแสดงความรักน่ะ
เวลาอยู่กับนาย พี่คิบอมดู...อุ่นล่ะมั้ง อุ่นกว่าปกติเยอะ” ฮยอกแจว่าเสียงเบา
พลางหันซ้ายหันขวาอย่างเกรงว่าใครจะได้ยิน นึกไปถึงเมื่อก่อนที่พอเจอพี่คิบอมทีไร
เขางี้หนาวสั่นไม่กล้าสบตา แต่พออยู่กับดงแฮทีไร พี่คิบอมก็ดูอุ่น...อุ่นจนรู้สึกว่าน่าเข้าใกล้กว่าทุกที
คำถามที่ดงแฮหันมามอง
ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักกับตัวเอง
“ก็เขินบ้าง
แต่พี่คิบอมอุ่นอยู่แล้วนะ จริงๆ พี่คิบอมเป็นคนอบอุ่นนะฮยอก...แล้วด๊องว่าน้า
เวลาพี่ฮันอยู่กับฮยอกก็...ทำตาเหมือนยิ้มได้เลย”
แล้วคนที่มองอะไรอย่างที่คนอื่นมักมองไม่ออกก็ทำมือเป็นรูปตัวยิ้ม ยามที่สบตากับเพื่อนสนิทที่แก้มแดงเรื่อ
อุบอิบเสียงเบา
“ยิ้มที่ไหนล่ะ
พี่ฮันตาน่ากลัวจะตาย...” แต่ไก่ก็รักความน่ากลัวนี่นะ
ดงแฮได้แต่หัวเราะคิกคักนิดๆ
กับท่าทางของเพื่อน มือเรียวคว้าหมับเข้าที่มือเรียวแล้วจับจูงกลับยังระเบียงกว้างที่เดิมอย่างอารมณ์ดี
ท่าทางของสองสาวที่ดีกรีความสวยสูสีกันมาเหมือนจะทำให้ชายหนุ่มหลายคนมองตามไม่ละสายตา
สำหรับใครที่รู้ว่าสองคนนี้เป็นของใครก็พอจะหันหนีไปทางอื่นอย่างไม่อยากซวย
แต่สำหรับบางคนที่ไม่รู้ก็ได้แต่อยากเข้ามาทำความรู้สึก...เหมือนเช่นคนนี้
“มากันแค่สองคนหรือครับ” คำถามเกริ่นนำง่ายๆ
ที่สามารถโยงไปเรื่องอื่นได้ดังขึ้นด้านหลัง
จนคนฟังทั้งสองต้องหันไปมองจนเห็นชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งที่พยายามยิ้มหล่อมาให้
มือใหญ่ก็ทำท่าล้วงกระเป๋าเหมือนจะดูดี
ท่าทางที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าคงมีจุดประสงค์จะเข้ามาจีบ
จนฮยอกแจอึกอักในลำคออย่างไม่รู้จะเอ่ยอะไรดี
“เอ่อ...คือว่า...” ฮยอกแจพึมพำเบาๆ
ขณะที่ดงแฮก็เอียงคอน้อย ท่าทางน่ารักของสองสาวที่คนตัดสินใจก้าวเข้ามามองอย่างเพลินตา
สวยด้วยกันทั้งคู่ จีบคนไหนดีวะ
ฟึ่บ
“พอดีคุณหนูสองคนนี้มากับเจ้านายผมน่ะครับ
ยังอยากรู้มั้ยว่าเจ้านายของพวกเราคือใคร” แต่แล้วคนที่กำลังฝันกลางวัน
(ที่เริ่มด้วยฝันดีและจบที่ฝันร้าย) ก็ต้องสะดุ้งสุดตัว
เมื่อชายในชุดดำสองสามคนก้าวเข้ามาประชิดร่างอย่างรวดเร็ว
ทั้งยังบอกเสียงเข้มจนต้องหันขวับกลับไปมอง
แล้วคิดดูสิว่า เล่นมาแบบใส่ดำทั้งชุดประหนึ่งไว้อาลัยให้ใคร
อีกทั้งข้างเอวยังนูนน้อยๆ เหมือนเหน็บอะไรบางอย่างที่อาจจะเป็นสาเหตุของงานศพก็ทำเอาคนไม่ดูตาม้าตาเรือ
(ที่อารมณ์นี้อาจจะเป็นตาน้ำแข็งตามังกร) สะดุ้งสุดตัว ส่ายหน้าขวับๆ ทันที
“มะ...”
“พอดีพวกเราไม่ได้มากับสองคนน่ะฮะ
มากับพี่คะ...อืม คิมคิบอมและหานฮันคยองฮะ แล้วก็พี่ๆ อีกสองสามคน
ยังไงพวกเราก็ขอตัวก่อนนะฮะ” ยังไม่ทันที่ชายโชคร้ายจะเอ่ยปฏิเสธ
ดงแฮที่เงียบไปพักหนึ่งแล้วรู้สึกว่าเขาถามมาก็ต้องตอบไปก็เลยจัดการตอบคำถามเสียเสร็จสรรพ
ทั้งยังแย้มยิ้มหวานส่งให้อีกทีเป็นการปิดท้าย
ก็ถ้าบอกว่าพี่คิบอมและพี่ฮันคยองเขาคงไม่รู้ว่าใคร
ก็เลยบอกชื่อเต็มนี่นา
ว่าจบปุ๊บ ดงแฮก็จูงมือเพื่อนรักที่ได้แต่ยิ้มแห้งๆ
อย่างนึกสงสารชายโชคร้ายไปอีกทาง
ปล่อยให้คนในชุดดำหลายคนเกือบจะหลุดหัวเราะกับความน่ารักแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวของคุณหนูดงแฮ
ความน่ารักที่บางทีชายโชคร้ายอาจจะไม่อยากรับรู้สักเท่าไหร่หรอกนะ
ก็คิมคิบอมและหานฮันคยอง...แค่ได้ยินชื่อก็หนาวถึงทรวงแล้วนี่นะ
..................................................
บริเวณระเบียงกว้างที่มีเพียงเพื่อนสนิททั้งสองกำลังเริ่มจิบเครื่องดื่มเป็นการปิดท้ายมื้ออาหารด้วยบรรยากาศที่ดูผ่อนคลายเสียจนน่าเข้าใกล้
ในขณะที่คิบอมวางมือประสานกันนิ่งๆ บนโต๊ะอาหารที่เก็บเรียบร้อยแล้ว ตรงกันข้าม
ฮันคยองก็วางมือพาดไปตามเก้าอี้ที่ฮยอกแจลุกออกไปง่ายๆ
ภาพของชายหนุ่มสองคนที่เวลานี้ดูมีอำนาจเสียยิ่งกว่าเมื่อก่อน
ยิ่งยามที่อยู่ด้วยกันอย่างนี้ มันก็เป็นภาพที่แสนน่าดูเหลือเกิน
แต่จะมีกี่คนที่ได้รู้ว่าภาพของชายหนุ่มทั้งสองน่าดูมากกว่าน่ากลัวเหตุผลเพราะ...คนทั้งสองที่ลุกออกไปเข้าห้องน้ำ
ไม่อย่างนั้น
ภาพนี้คงเหมือนสองมัจจุราชมากกว่าสองเทพบุตรอย่างเช่นเวลานี้
ภาพที่พนักงานสาวที่ได้ขึ้นมาเสิร์ฟอาหารบนนี้อดไม่ได้จะยกยิ้มเพ้อๆ
แล้วแน่ล่ะว่าในจำนวนทั้งหมดก็ย่อมมีคนใจกล้าที่อยากเสี่ยงอ่อยคนมีเจ้าของแล้ว
ด้วยความคิดง่ายๆ...ยังไงผู้หญิงก็ต้องดีกว่าผู้ชายอยู่วันยันค่ำ
แต่ในกรณีของสองหนุ่มนี่
สาวสวยแค่ไหนก็สู้เมียของตัวเองไม่ได้ทั้งนั้นแหละ
“รับอะไรเพิ่มมั้ยคะ คุณคิบอม คุณฮันคยอง”
น้ำเสียงหวานหยดของพนักงานสาวที่ส่งสายตามาตั้งแต่เริ่มมื้ออาหารทำให้เจ้าของชื่อทั้งสองเงยหน้าขึ้นมามอง
จนเห็นหญิงสาวสองคนที่ยืนกุมมืออย่างสุภาพ
แต่เหมือนว่าชุดพนักงานในตอนแรกที่มันดีอยู่แล้วกลับถูกปลดกระดุมออกมาอีกนิด
อาการทอดสะพานที่รอให้ชายหนุ่มที่มีอำนาจทั้งสองก้าวเข้ามาทำให้คนมองเพียงยกมุมปากขึ้น
ในเมื่อ พวกเขารับรู้มาตั้งแต่ต้น แต่ที่ไม่แสดงอาการอะไรออกมาก็เพราะเห็นว่าทั้งดงแฮและฮยอกแจไม่ได้รับรู้ไปด้วย
“แล้วเมนูพิเศษที่สั่งเอาไว้ล่ะ”
คิบอมเอ่ยปากง่ายๆ ยามที่ผ่อนร่างลงพิงกับพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย
ดวงตาคู่คมตวัดขึ้นมามองนิ่งๆ ที่สองสาวพากันแก้มแดงน้อยๆ แล้วเอ่ยตอบคำ
“อีกสักครู่ค่ะ แล้ว...”
“ฉันไม่เอาอะไรแล้ว”
ฮันคยองแทรกขึ้นมาทันที ยามที่จิบเพียงเครื่องดื่มของตัวเอง ในหัวก็กำลังคิดว่าถ้าลูกไก่ตัวน้อยของเขามาเห็นภาพนี้จะทำยังไง...ก็คงแอบน้อยใจหรือหึงอยู่เงียบๆ
นั่นล่ะ
ความคิดที่ทำให้ริมฝีปากโค้งขึ้นอย่างน่าดู
จนคนมองนึกว่ามีความหวัง หญิงสาวรีบขยับไปฉวยขวดไวน์ที่สั่งเปิดขวดและเธอรินเติมให้หลายครั้งขึ้นมา
จากนั้นก็ขยับเข้าไปใกล้
“ดิฉันรินให้นะคะ” ว่าแล้ว
หญิงสาวคนสวยก็จงใจเบียดหน้าอกของตนเข้าหากันอย่างพองามให้สองลูกดันตู้มขึ้นมาจนเห็นอย่างชัดเจน
ยามที่รินเครื่องอื่มให้ด้วยท่าทางสุภาพ แต่สายตา...หวานฉ่ำจนคนมองก็สัมผัสได้
ไม่ต่างกันนัก
หญิงสาวอีกคนก็รีบก้าวเข้าไปหาเพื่อนที่กำลังยกเมนูของหวานสุดพิเศษประจำวันของเชฟใหญ่ขึ้นมา
อีกทั้งยังยื้อแย่งมาถือไว้เอง ริมฝีปากก็พึมพำอย่างมั่นใจ
‘คุณคิบอมต้องมองฉัน’
คำสั้นๆ
ของคนที่มั่นใจในตัวเอง แล้วขยับมาวางจานของหวานที่เธอพอจะเดาออกว่าต้องเป็นของคนสองคนที่หายไปเข้าห้องน้ำแน่ๆ
มือเรียวก็ทำงานอย่างคล่องแคล่ว
จงใจวางให้ฝั่งของฮยอกแจก่อนแล้วเดินอ้อมมาที่นั่งของดงแฮ วางอย่างเรียบร้อย แล้ว...
“อ้ะ!!”
ฟึ่บ
แต่แล้วพนักงานคนสวยที่ไม่น่าจะพลาดก็กลับจงใจ๊จงใจสะดุดส้นสูงตัวเอง
จนร่างบอบบางถลาเข้ามากอดที่แผ่นหลังแกร่งของคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
มือเรียวขยับมากอดรัดรอบบ่าแข็งแรง
อีกทั้งยังเอาหน้าอกของตัวเองดันที่แผ่นหลังกว้าง
“พี่คิบอม!!”
“อ้ะ ขอโทษค่ะ ขอโทษ
ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ” แต่ก่อนที่คิบอมซึ่งกำลังขมวดคิ้วเข้าหากันจะลุกขึ้น
เสียงหวานของคนที่หายไปเข้าห้องน้ำก็ดังขึ้น
จนหญิงสาวที่จงใจอ่อยเต็มที่รีบลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทั้งยังโค้งให้เร็วๆ
เหมือนกลัวความผิดที่ทำพลาดขนาดนี้ แต่ดวงตาคู่สวยกลับวาววับขึ้น
เธอไม่ได้หวังว่าคุณคิบอมจะสนใจอะไรมากมาย
แต่ถ้าได้สานต่อสักนิด...มันก็เป็นโชคมหาศาลนี่นะ
ในขณะเดียวกัน
ฮยอกแจก็จับมือเพื่อนเอาไว้แน่น
ดวงตาเรียวสวยเบิกกว้างขึ้นนิดกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ตรงหน้า
ก็เห็นแฟนตัวเองถูกผู้หญิงที่ไหนกอดเนี่ยนะ
ตึก ตึก ตึก
“ด๊อง...ใจเย็นนะ...” แต่แล้ว
ดงแฮก็รีบปล่อยมือเพื่อนแล้วขยับเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
จนลูกเจี๊ยบตัวน้อยต้องร้องเบาๆ ขาเรียวก็รีบก้าวตามอย่างกลัวว่าเพื่อนกำลังหึงพี่คิบอมหรือเปล่า
ทั้งที่มันคงเป็น...อุบัติเหตุ (ล่ะมั้ง)
หมับ
“ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะคะ...”
“เป็นอะไรหรือเปล่าฮะ!!! ข้อเท้าเคล็ดหรือเปล่า พี่คิบอม ทำไงดีอ่ะ คุณคนนี้สะดุดส้นสูงขนาดนี้
เจ็บแย่เลย” พนักงานสาวที่เตรียมเล่นละครเต็มที่ถึงกับชะงักกึก
เมื่อคนที่ก้าวเข้ามาจับไหล่เธอเอาไว้ถามด้วย...ความเป็นห่วง
ลีดงแฮ ผู้ที่เห็นภาพคนอื่นกอดกับคนรักเต็มสองตาถามคิบอมอย่างไม่สบายใจ
ยามที่ดวงตากลมโตก็กวาดมองข้อเท้าเรียวอย่างเป็นห่วง มือบางก็พยุงแขนของหญิงสาวคนนั้นเอาไว้อย่างเบามือ
ท่าทางที่ทำให้ใครหลายคนพากัน...อึ้ง
ก็แทนที่จะหึงที่ผู้หญิงมาอ่อยแฟนตัวเอง
แต่ดันห่วงเขาซะนี่
“หึๆ เขาไม่เป็นไรหรอกดงแฮ มานั่งมา
ของหวานที่เธออยากชิมมาแล้วนะ” คงมีเพียงแค่คิบอมที่หัวเราะในลำคอ
ทั้งยังเอื้อมมือมาคว้าข้อแขนเล็กที่ยังยืนอยู่ด้านหลังเบาๆ
ให้ดงแฮยอมปล่อยมือจากพนักงานเสิร์ฟคนนั้นแล้วขยับมาทรุดนั่งบนเก้าอี้
ดวงตากลมโตยังคงมองหญิงสาวอย่างเป็นห่วง
“แต่ล้มขนาดนั้น คงเจ็บแย่เลย”
ดงแฮยังคงว่าเสียงเบา จนคนที่ไม่เคยเจอความซื่อสุดขอบโลกของลีดงแฮถึงกับพูดไม่ออก
ไม่รู้เลยว่าคนน่ารักคนนี้เล่นละครทำเป็นคนดีหรือดีจริง จนได้แต่ยิ้มแห้งๆ
แล้วบอกเสียงเบา
“ไม่ได้เจ็บอะไรหรอกค่ะ
ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”
“ไม่เป็นไรฮะ” ดงแฮแย้มยิ้มหวาน
ก่อนที่จะเอ่ยเสริมออกมาด้วยท่าทางที่ไม่แน่ใจเท่าไหร่
“ว่าแต่ กระดุมเสื้อมันหลุดน่ะฮะ
คุณคงไม่เห็น ติดดีกว่าฮะ สวยกว่าเยอะ” ดงแฮว่ายิ้มๆ พลางชี้ไปยังคอเสื้อของหญิงสาวที่ปลดกระดุมเสียหลายเม็ด
มองโลกในแง่ดีว่ามันคงอารมณ์เหมือนลืมรูดซิปกางเกง จนคนฟังอ้าปากน้อยๆ
มือเรียวจับหมับเข้าที่คอเสื้อ รู้สึกเหมือนคนตัวเล็กคนนี้ด่าเต็มๆ
ว่าจบ ดงแฮก็หันไปสนใจขนมหวานสูตรพิเศษอย่างรวดเร็ว
จนฮยอกแจที่คิดว่ามีเรื่องแน่ๆ หัวเราะเบาๆ ร่างบางก็ทรุดนั่งลงข้างฮันคยองแล้วสนใจของหวานที่อยู่ตรงหน้าบ้าง
เขาน่าจะรู้ดีที่สุดนี่นาว่าเจ้าปลาต๊องมีวิธีคิดไม่เหมือนชาวบ้าน
หมับ
แต่ก่อนที่หญิงสาวคนนั้นจะผละกลับไปด้วยสภาพมึนๆ
งงๆ คิบอมกลับคว้าข้อมือเล็กเอาไว้มั่นแล้วดึงเบาๆ จนใจเต้นแรง
หันกลับมามองอย่างมีความหวัง
กึก
“ถ้าคิดทำอย่างนั้นอีก อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
แต่แล้วหัวใจที่กำลังเต้นแรงก็ยิ่งเต้นกระหน่ำด้วยความกลัวเมื่อสบเข้ากับดวงตาคมกริบที่บาดผิวเนื้อให้เป็นแผลได้
จนได้แต่รับคำเสียงสั่น ขยับไปอีกทางทันที
รู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าไอ้ที่เธออ่อยไปน่ะไร้ผลแถม...อาจจะทำให้คุณคิบอมไม่พอใจก็เป็นได้
ภาพที่ทำให้ฮันคยองแสยะยิ้มนิดๆ มือใหญ่ก็ขยับบอกให้รินไวน์จนพนักงานสาวอีกคนยิ้มหวาน
ขยับเข้ามาเสียใกล้
“อ้อ ฉันจะบอกด้วยว่า...”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตา
ก่อนที่ดวงตาคู่คมจะมองไปยังเนินเนื้อขาวผ่องเพียงแวบเดียว
ริมฝีปากแสยะขึ้นเป็นรอยยิ้มเหี้ยม
“...ฉัน...ไม่ชอบกินนม” ว่าแล้ว
นัยน์ตาคมที่อ่อนแสงจนน่าดูก็เข้มขึ้นทั้งยังฉายแววโหดจนหญิงสาวเสียวสันหลังวูบ
มือไม้ที่รินไวน์สั่นขึ้นมาทันที
รีบจัดการแล้วรีบขยับกลับไปยืนกับเพื่อนอย่างเกรงๆ
สายตาเย็นเยียบของชายหนุ่มที่มีอำนาจทั้งสองที่อ่อนโยนลงทันทีเมื่อหันไปมองคนข้างกาย
สายตาที่บอกใครต่อใครได้ชัดเจนว่าที่สองมัจจุราชดูใจดีกว่าทุกทีเพราะอะไร...ก็สองสาวแสนสวยที่กำลังพูดคุยกันถึงขนมหวานอย่างไม่ได้รับรู้เลยสักนิดว่ามีคนอยากยุ่งกับแฟนตัวเองยังไงล่ะ
แต่ไม่รู้อย่างนี้...ก็ดีแล้วล่ะ
“พี่คิบอมทานมั้ยฮะ”
ดงแฮหันมายิ้มหวานให้คนรัก ทั้งยังตักขนมพอดีคำขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากได้รูป
“เธอกินเถอะ ฉันรอกินอย่างอื่นมากว่า”
คิบอมว่าเรียบๆ แต่ดวงตาคู่คมกลับน่ามอง มือใหญ่ก็ยกขึ้นลูบหัวทุยเบาๆ
จนคนได้รับยิ้มหวาน ส่งของหวานเข้าปากตัวเองทันที
“พี่ฮัน เมื่อกี้คุยอะไรกับพนักงานคนนั้นหรือฮะ”
ขณะเดียวกัน ฮยอกแจก็หันมาถามอย่างสงสัย เมื่อหูแว่วเหมือนได้ยินอะไรนมๆ
จนหนุ่มจีนเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ แล้วบอกง่ายๆ
“บอกให้จัดการค่าอาหารน่ะ...พอดีว่า...”
ฮันคยองโน้มหน้ามากระซิบริมหู
“...อยากกลับห้องไปกินนมเมีย”
ไม่อยากกินนมคนโน่น แต่ใช่ว่าไม่อยากกินจากคนนี้นี่นะ
เท่านั้นแหละ ฮยอกแจก็เงียบกริบ
ก้มหน้าก้มตาจัดการของหวานไปเงียบๆ ท่ามกลางสายตาของสองหนุ่มที่มองคนของตัวเองอย่างแสนรัก
ก็บอกแล้ว...คนที่พิเศษและกุมหัวใจสองมัจจุราชตัวร้ายก็คงเป็นคนสวยสองคนที่ไร้พิษสงเนี่ย...จริงมั้ยล่ะ
......................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น