วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Special CL_9 ปาร์ตี้วงเหล้า

Special CL_9 ปาร์ตี้วงเหล้า



          ในขณะที่สาวๆ กำลังมีปาร์ตี้เล็กๆ ในห้องนอนของดงแฮอยู่นั่น อีกฟากหนึ่งของกรุงโซล โชว์รูมรถขนาดย่อมก็ย้ายจากหน้าบ้านคนหน้าหวานมาจอดเรียงกันอยู่ในลานจอดรถของผับมีระดับที่สุดในย่านนี้ จากนั้น ชายหนุ่มเจ้าของรถก็ก้าวออกมาด้วยสีหน้าที่บอกได้ชัดเลยว่า...ไม่สบอารมณ์อย่างแรง

            “พวกพี่อย่าทำหน้าเหมือนพ่อตายได้มั้ย แค่เมียไม่อยู่วันเดียวเอง” เยซองว่าด้วยเสียงกลั้วหัวเราะอย่างไม่ทุกข์ร้อนสักเท่าไหร่ อย่างที่ว่าเมียคนสวยของเขาน่ะ เอาแน่เอานอนไม่ได้ วันไหนนึกอยากกลับไปนอนบ้านก็ไป เพราะฉะนั้น เมื่อรู้จุดหมายแน่นอนแล้วว่าอยู่ไหน...ก็ปล่อยให้เขาได้สนุกบ้าง

            แม้ว่าเวลาตัวเล็กหงุดหงิดจะน่ารักน่าแกล้งก็เถอะ

            หมับ

            “มึงเอาแขนออกจากคอกูเลยไอ้เย่ แล้วอย่าเล่นถึงพ่อกู ยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ เดี๋ยวยันตกข้างทางเลยนี่” คยูฮยอนว่าอย่างหงุดหงิดเล็กๆ มือใหญ่ก็แกะมือของเจ้าซาลาเปาเพื่อนซี้ออกจากคอตัวเอง ใบหน้าคมคายที่มักเจ้าเล่ห์อยู่เป็นประจำถึงคราวเซ็งหนัก ยิ่งนึกถึงหน้าเมียที่โบกมือหย็อยๆ แล้วที่หงุดหงิดน่ะก็เพราะซองมินไม่ได้โบกไปซ้ายขวาอย่างชาวบ้านเขา แต่กระต่ายแสบของเขาน่ะ โบกไล่ไปไกลๆ เนี่ยสิ

          ฮึ กลับมาเมื่อไหร่จะเล่นให้เครื่องร้อนไม่ต้องพักกันเลย คอยดู!!

            “อ้อ พี่คยูสุดหล่ออารมณ์ไม่ดีเพราะว่าน้องซองมินโบกมือเหมือนไล่หมาใช่ป่ะ...เฮ้ย!!! ฮ่าๆๆๆ” เยซองยื่นหน้ามาบอกอย่างขำๆ ก่อนที่จะต้องร้องลั่น เมื่อคนไม่สบอารมณ์กำลังยกมือขึ้นหมายตบกระโหลก แต่ด้วยกวนตีนมาตั้งแต่มันเด็กจนโตมีเมียกันแล้ว เยซองก็เพียงขยับหลบแล้วหัวเราะเสียงดังลั่น วิ่งนำเข้าผับไปก่อนอย่างอารมณ์ดี

            “มึงก็รู้ว่าไอ้เย่กวนตีน ยังไปเล่นกับมันอีก” คังอินบอกแล้วถอนหายใจหนักๆ ไอ้ครั้นจะให้โมโหก็ทำไม่ได้ ในเมื่ออีทึกบอกว่าอยากอยู่กับน้องๆ คนรักเมีย ตามใจเมีย แถมยังอ่อนให้เมียเลยทำได้แต่ตามใจอย่างที่ทำเสมอมา

            ถ้าทึกกี้มีความสุข แค่ไม่ได้นอนกอดคืนเดียวคงไม่เป็นไรหรอก (กัดฟันพูด)

            “ผมเล่นกับมันที่ไหนวะพี่ ผมจะไม่แปลกใจเลยถ้าตัวเล็กของมันนึกคึกลุกขึ้นมาเอามีดกระซวกไส้น่ะ” คยูฮยอนว่าแล้วยักไหล่นิดๆ ก่อนจะก้าวตามเพื่อนเข้าไปอย่างไม่เร่งรีบ โดยมีคังอินที่หันมามองเพื่อนบางคนที่ทำหน้าเหี่ยวๆ อยู่ไม่ไกล

            “มึงก็เลิกทำหน้าเหมือนจะตายวันตายพรุ่งได้มั้ย ไอ้สิงโตหวานเลี่ยน เห็นแล้วมันเซ็ง” คังอินว่าพลางส่ายหน้าน้อยๆ แล้วล็อกคอสุภาพบุรุษเชวที่ทำหน้าเหมือนกำลังถูกความผิดกองทับถมจนไม่สามารถปีนขึ้นมาหายใจได้เข้าไปในผับบ้าง

            คราวนี้ก็เหลือเพียงเจ้าของสถานที่กับเพื่อนสนิทที่เพียงหันมาสบตากันแวบหนึ่ง แม้ว่าใบหน้าคมคายของทั้งสองจะยังดูเรียบเฉยไม่ต่างจากเดิมสักเท่าไหร่ แต่คิบอมก็สัมผัสได้เลยว่าไอ้เพื่อนตายน่ะ...กำลังคิดอะไรอยู่

            ปั่บๆ

            “คำพูดของพ่อตาฉันต้องเอามาหารครึ่งถึงจะได้ความจริง” คิบอมบอกสั้นๆ แล้วเดินนำเข้าไปก่อนอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจเท่าไหร่ เพราะรู้นิสัยลีมุนฮวาดี แม้ว่าครั้งนี้จะพลาดตรงที่คนที่ให้ท้ายเสมอถูกดักเอาไว้ก่อนก็เถอะ

            คำเตือนของเพื่อนสนิทที่ดูเหมือนจะคาดเดาความคิดของมาเฟียหนุ่มออก ทำให้คนฟังที่ดวงตาคู่คมเหมือนกำลังคิดอะไรบางอยู่ได้แต่ก้าวตามอย่างแบบเสียไม่ได้

            บางอย่างที่แฝงอยู่ภายใต้ความพ่ายแพ้ทำให้เขาคิดอะไรได้

            หลังจากนั้น ทั้งคิบอมและฮันคยองก็ก้าวขึ้นไปยังส่วนของลูกค้าวีไอพีที่เพื่อนๆ และน้องๆ ก้าวนำขึ้นไปก่อนแล้ว วันนี้เยซองที่ก้าวนำมาก่อนเลือกที่นั่งที่ชั้นลอย ไม่ใช่ห้องส่วนตัวที่ชั้นบนขึ้นไปอีก และในเวลานี้ก็มีเพียงลูกค้าสองสามคนที่นั่งอยู่ชิดกับริมระเบียงด้านใน ส่วนบรรดาหนุ่มๆ อดีตสภานักศึกษาก็กำลังทรุดนั่งในจุดที่มองเห็นชั้นล่างมากที่สุด

            “วันนี้นายเลี้ยงนะไอ้ฮัน” คังอินส่งเสียงมาบอกเจ้าของผับ หลังจากสั่งเครื่องดื่มดีกรีแรงจากพนักงานที่คอยดูแลอยู่ไม่ไกลแบบที่หมียักษ์กะว่าไม่ได้ดื่มกับเพื่อนนาน วันนี้ก็เอาสักหน่อย คำถามที่ฮันคยองพยักหน้าส่งๆ แล้วทรุดนั่งลงบนโซฟาตัวหนึ่ง ขายาวยกขึ้นพาดโต๊ะตรงหน้า แล้วเอนหัวลงพิงพนักโซฟาด้วยท่าทางเหมือนคิดอะไรอยู่ จนใครๆ ก็สังเกตเห็น

            ขณะที่คิบอมก็ทรุดนั่งที่โซฟาเดี่ยวอีกตัว มือใหญ่ทั้งสองข้างพาดไปตามพนักโซฟา แต่ก็เพียงพักเดียว เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงสั่นของโทรศัพท์มือถือ มือใหญ่ก็ล้วงมันออกมาพร้อมกับริมฝีปากที่ยกมุมขึ้นเพียงนิด ดวงตาคู่คมบอกชัดเจนว่ากำลังพอใจ

          คนน่ารักของเขาส่งข่าวมาบอกแล้วว่าทำอะไรอยู่

            ท่าทางของสองหนุ่มที่ทำให้คยูฮยอนหรี่ตาลงน้อยๆ อย่างจ้องจับสังเกต แต่เหมือนจะไม่ทันรุ่นพี่อีกคนที่กำลังรอเครื่องดื่มที่สั่งไป

            “มึงเป็นอะไรเนี่ยไอ้ซีวอน กูเห็นมึงซึมเหมือนต้นไม้ขาดน้ำตั้งแต่ที่บ้านดงแฮแล้วนะ” ไม่ถามเปล่า คังอินก็ส่งขาไปสะกิดแทนมือ จนพ่อหนุ่มหล่อที่ยามนี้เป็นนักธุรกิจไฟแรงเพียงถอนหายใจหนักๆ ทั้งที่ยามปกติคงขยับขาหนีแล้วด่าด้วยสายตาไปแล้ว

            “เฮ้อ...เรื่องซินน่ะ...” คำตอบสั้นๆ ที่ทั้งกลุ่มเข้าใจความหมายได้อย่างดี...สรุปก็เรื่องเมีย

            “ทำไม” คังอินเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจว่าเรื่องอะไร ในเมื่อก็ไม่เห็นมีเรื่องไหนให้ไอ้มาดเยอะซึมกระทือได้ขนาดนี้ แต่คำถามนี้กลับทำให้ซีวอนถอนหายใจหนักๆ นึกย้อนไปถึงคำพูดไม่กี่คำที่ทำให้เขารู้สึกผิดเต็มหัวใจ

            เหมือนถูกแทงไม่พอ ยังควักหัวใจมากระทืบให้ช้ำแล้วยัดกลับเข้าที่เดิม

            “พวกนายจำเรื่องที่ฉันเคยทำให้ซินต้องหนีไปอยู่บ้านดงแฮได้มั้ย”

            “หึๆๆ ตอนที่พี่เป็นพระเอกมิวสิคน่ะหรือ” คยูฮยอนบอกอย่างนึกขำ เมื่อเห็นภาพเมื่อหลายปีก่อนที่เขาเป็นน้องที่แสนดียืนกางร่มอยู่ข้างๆ พี่ชายคนนี้ คำตอบที่ทำให้เยซองที่กำลังรินเครื่องดื่มแจกพี่ๆ หัวเราะออกมา

            “โคตรน่าเสียดายเลยว่ะพี่ ไอ้คยูมึงน่าจะถ่ายคลิปเอาไว้นะเว้ย...”

            “ขำมากมั้ย” ยังไม่ทันที่เยซองจะแซวขึ้นมาจนจบ ซีวอนก็ตวัดสายตาไปมองรุ่นน้องแล้วถามเรียบๆ จนคนพูดถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งที่คนอย่างพี่ซีวอนทำหน้าเหมือนอยากจะบีบคอเขาขึ้นมาเฉยๆ แต่แน่ล่ะ คนอารมณ์ดีก็ยังอารมณ์ดีอยู่วันยันค่ำ ใบหน้าคมคายถึงฉีกยิ้มกว้าง

            “มากพี่”

            “หึๆ”

            แปะ

            เยซองว่าจบก็หันไปแทคมือกับเพื่อนซี้เสียงดัง จนซีวอนได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ ดวงตาคู่คมก็ก้มลงต่ำเพียงนิด เขาเพิ่งมาฉุกใจคิดเพราะคำพูดของมุนฮวาว่าเขาเคยทำซินร้องไห้ แล้วตลอดเวลาหลายปีมานี้ก็ไม่ใช่แค่เรื่องนั้น อาจจะมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเรื่องที่ความเห็นไม่ตรงกันจนต้องทะเลาะ และนั่นก็ทำให้คนที่เขาที่สุดเสียน้ำตาได้อยู่ดี

            ไม่อยากให้ซินร้องไห้ ไม่อยากให้ซินเสียใจ

            “ฉันแค่ไม่อยากนึกถึงน้ำตาของซินว่ะ วันนั้นถ้าย้อนไปได้ ฉันจะห้ามโจวมี่ไม่ให้มันวางยาซิน” ซีวอนว่าพลางถอนหายใจหนักๆ ที่ทำให้คังอินตบบ่าเพื่อนแรงๆ ไอ้นี่บทจะหวานก็น้ำตาลเรียกพี่ บทมันจะทำตัวโศกก็น่าถีบเกินไป

            “น้องมันหวังดี”

            “รู้ว่าหวังดี แต่มันก็ทำให้ฉันกับซินเริ่มไม่สวยเท่าไหร่ เออ ช่างเถอะว่ะ ว่าแต่มีใครได้ข่าวไอ้น้องรักฉันบ้างมั้ย” ซีวอนว่าอย่างนึกขึ้นได้ เพราะจะว่าไป เขาก็ไม่ได้เห็นเจ้าลูกพี่ลูกน้องสักเท่าไหร่ ยิ่งช่วงหลังมานี้ไม่ได้กลับเข้ามหาวิทยาลัยด้วย

            คำถามที่ทำให้เยซองเลิกคิ้วนิด แล้วหัวเราะเบาๆ

            “ตามเฝ้าเฮนรี่อยู่น่ะพี่ เห็นว่าช่วงนี้มีคนตามจีบเยอะ น้องพี่นี่องค์ลงเลยล่ะ” เยซองว่าขำๆ กับเจ้าน้องชายที่ตอนนี้ขึ้นเป็นประธานสภานักศึกษาหลังจากที่พวกแทคยอนและนิชคุณจบไป และเหมือนคำตอบนี้จะเรียกความสนใจจากคนทั้งกลุ่มได้อย่างดี ในเมื่อน้องเล็กของกลุ่มน่ะเจ้าเล่ห์ได้โล่ ตอแหลได้เรื่อย แต่ดูเหมือนจะมาตกม้าตายที่เด็กไร้เดียงสาแก้มป่องๆ ยิ้มน่ารักๆ น่ะสิ

            “อยากเห็นว่ะ โจวมี่เนี่ยนะ”

            “ได้ยินแว่วๆ เหมือนกันว่าเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นเลย เฮนรี่ยิ่งโตยิ่งน่ารักนะ” คยูฮยอนเอ่ยเสริมที่เรียกเสียงหัวเราะจากพี่ชายเจ้าตัวได้อย่างดี

            “ท่าทางจะกรรมตามสนองว่ะ ทำให้น้องมันไม่มั่นใจตั้งนานสองนานกว่าจะยอมเอ่ยบอกรักสักที เป็นไงล่ะคราวนี้” คังอินว่าขำๆ ขณะที่หันไปมองเพื่อนอีกสองคนที่เงียบเสียงลงตั้งแต่ก้าวเข้ามานั่ง โดยที่คนหนึ่งก็กำลังก้มมองโทรศัพท์ไม่วางตา ดวงตาคู่คมที่แสนเย็นชาเหมือนจะอ่อนแสงลงนิด

            ขณะที่ข้างคิบอม เพื่อนอีกคนก็เอาแต่จ้องแก้วเหล้านิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่


            “ว่าแต่ พี่คิบอม...พี่ทำได้ไงวะทะเลาะกับพ่อตามาตั้งสองสามปี เป็นผมนะ พ่อหวงขนาดนี้คงดักฉุดสถานเดียวแล้วว่ะ” คยูฮยอนบอกพลางยกเครื่องดื่มขึ้นจิบ ดวงตาคู่คมก็มองรุ่นพี่ที่แสนเย็นชา แต่พวกเขาก็พอมองออกว่าเวลาที่ถกเถียงกับคุณพ่อตา คิบอมดูจะอ่อนลงเยอะ

            “แล้วให้ซองมินมานั่งร้องไห้ทีหลังน่ะหรือ”

            สิ้นคำของคยูฮยอน คิบอมลดโทรศัพท์ในมือลงแล้วหันไปถามรุ่นน้องเสียงเรียบ ที่ทำเอาคนฟังนิ่งไปชั่วแวบหนึ่ง แล้วตีความจากดวงตาคู่คมที่มองมา

            ถ้าเขาดักฉุด ถ้าเขาเข้ากับคนที่บ้านอีกฝ่ายไม่ได้ คนที่เสียใจที่สุดก็คือคนที่เรารัก...ไม่ใช่หรือ

            “สมแล้วที่กำลังจะแต่งงาน” ซีวอนว่าด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ เก็บความรู้สึกผิดที่ทับถมในใจไว้ก่อน เพราะยังไงพรุ่งนี้เขาก็คงอยากเอ่ยปากเรื่องนี้กับซินทีหลัง

            อยากขอโทษที่เคยทำให้เสียน้ำตาขนาดนั้น

            คำตอบที่ทำให้คยูฮยอนโคลงหัวเพียงนิด ก่อนที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะปรากฏที่ริมฝีปากได้รูป มือใหญ่ก็แกว่งแก้วในมือเบาๆ พลางนึกถึงกระต่ายตัวน้อยของเขา

            “หึๆ มันก็ใช่ แต่พี่รู้จักกระต่ายผมน้อยไป ถ้าผมฉุด กระต่ายผมคงอาละวาดบ้านแตกเลยล่ะ น้ำตาคงไม่ไหล แต่เลือดหัวผมอาจจะไหลแทน” คยูฮยอนว่าง่ายๆ ที่ทำให้คิบอมเลิกคิ้วนิด

            “ทำเหมือนตอนนี้นายคุมกระต่ายไม่อยู่” ประธานคิมแซวหน้าตาย ใบหน้าคมคายนิ่งสนิทยามที่เอ่ยเรื่องนี้ แต่ทำให้คนฟังหัวเราะอย่างชอบใจ

            “มันก็ต้องมีเคล็ดลับปราบกระต่ายพยศกันบ้าง หึๆ ผมไม่เหมือนไอ้เย่นี่ ยื่นหน้าให้เขาตบแล้วหัวเราะชอบใจ” คยูฮยอนว่าแล้วก็โยนให้เพื่อนที่กำลังรินเหล้าเติมให้พี่ๆ และเพื่อนอยู่ ซึ่งซาลาเปาหน้าด้านก็เงยหน้าขึ้นแล้วบอกเต็มปากเต็มคำ และท่าทาง...จะภูมิใจเสียมาก

            “ก็ถ้าโดนตบก็ได้ กด นี่หว่า คุ้มจะตาย” คำที่หากเรียวอุคได้ยินคงระดมตบลงบนแก้มอูมๆ นี่เสียให้หน้าชาแล้วตะโกนว่า...จะกดก็กด ขอแค่อย่าบังอาจใช้ยาให้เสียเชิงก็พอ

            คำตอบที่เรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคน หลังจากที่ไม่ได้มาดื่มกันพร้อมหน้าพร้อมตาขนาดนี้เสียนาน และเหมือนว่าเสียงสรวลเสเฮฮาของหนุ่มหล่อทุกคนจะเรียกสายตาของสาวๆ จากด้านล่างให้เงยขึ้นมามองอย่างสนอกสนใจ อีกทั้งยังพยายามส่งสายตาเชิญชวนเสียเต็มที่

            ก็แหม หนุ่มๆ กลุ่มนี้เป็นใคร ทุกคนก็รู้กันอยู่

            “เฮ้ย พี่ฮัน พี่เป็นอะไรหรือเปล่า นั่งเงียบมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” แต่แล้ว คยูฮยอนก็หันมาสนใจรุ่นพี่ที่สนิทสนมกันดีมาตั้งแต่เด็กอย่างฮันคยอง ซึ่งทำให้มาเฟียหนุ่มที่นั่งเงียบๆ แล้วเพียงยกมุมปากขึ้นนิดกับเรื่องตลกในวงเหล้าให้หันไปมอง แล้วเหมือนว่าคำถามนี้จะทำให้ทุกสายตาหันมาจับจ้องเว้นเพียงแค่คิบอมคนเดียว

            “...” ฮันคยองยังคงเงียบ สีหน้าดูเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง มือใหญ่ก็ยกแก้วขึ้นจิบช้าๆ

            หน้าตาท่าทางที่ทำให้ทั้งกลุ่มเงียบเสียงลง แล้วเลือกจะหันไปมองคนที่น่าจะตอบคำถามแทนได้...คิบอม

            “น่าจะเรื่องพ่อแม่ของฮยอกแจ” คำถามจากสายตาทุกคู่ทำให้คิบอมบอกเรียบๆ แล้วหันไปมองเพื่อนสนิทที่ยังมีสีหน้าเครียดๆ แต่ไม่ปฏิเสธว่าเรื่องนี้ และเหมือนว่าเพียงประโยคสั้นๆ เมื่อครู่จะทำให้หลายคนพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้

            “เรื่องที่พ่อดงแฮบอกว่านายไม่เคยเห็นหัวพ่อฮยอกแจน่ะหรือ” ซีวอนหรี่ตาลงนิด พลางนึกถึงประโยคที่ทำให้ทุกคนนิ่งงันมาแล้วเมื่อช่วงเย็น และเหมือนว่าคำถามนี้จะทำให้มาเฟียหนุ่มตาวาววับขึ้นมาทันที

            “ถ้าฉันไม่เห็นหัว ฉันคงไม่พยายามทำตัวดีๆ แบบที่ไม่ใช่ตัวของตัวเองแบบทุกวันนี้หรอก” ฮันคยองเอ่ยปากออกมาจนได้ เขายอมรับว่าคำพูดของมุนฮวามีผลต่อเขาไม่น้อย ตลอดมาไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าพ่อแม่ฮยอกแจกลัวเขามากแค่ไหน แต่ก็เห็นไม่ว่าอะไรยามที่เขาพาฮยอกแจไปไหน จนเผลอวางใจ

            วางใจว่าอย่างน้อยแม้จะยังไม่ได้สนิทสนมกันมากมาย แต่ฝ่ายนั้นก็ยอมรับการกระทำของเขา จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน

            คำพูดของลีมุนฮวายังดังก้องอยู่ในหัว

          ...ลูกเขยมันไม่เกรงใจ เดี๋ยวจะพาไปจีนก็ไป ทั้งที่ยังไม่ได้เอ่ยปากตอบตกลงสักคำ แถมไม่ค่อยยอมให้หนูฮยอกกลับไปค้างที่บ้าน...

            ฮันคยองได้แต่จิบเครื่องดื่มเงียบๆ อย่างใช้ความคิด ในเมื่อเรื่องนี้เขาไม่รู้เลย วันที่พาฮยอกแจไปจีน เขาก็ฝากฮยอกแจให้ไปบอกพ่อแม่ โดยไม่ได้ติดตามว่าฝ่ายนั้นจะว่ายังไงบ้าง เพราะคิดว่าน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าสักวันเขาต้องพาฮยอกแจไปจีน อีกทั้งกำหนดการนี้ยังเลื่อนมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ครั้งนี้ก็เลยเหมารวบว่าอนุญาตแล้วและเพิ่งรู้วันนี้ว่า...อีกฝ่ายก็อาจจะไม่พอใจอยู่ก็ได้

            “นายเปลี่ยนไปเยอะนะฮันคยอง” คังอินที่เฝ้ามองอยู่เอ่ยปากขึ้นมาง่ายๆ ซึ่งทำให้เจ้าของชื่อหันไปมองเพื่อนร่างสูงใหญ่ที่กำลังยกยิ้มอย่างอารมณ์ดี

            “ยังไง”

            “ก็ถ้าเป็นนายเมื่อสามปีก่อน ไม่มีทางมาเครียดเรื่องพวกนี้หรอก” คำพูดง่ายๆ ที่ทำให้ทั้งกลุ่มเงียบเสียงลง ก่อนที่รอยยิ้มจะยกขึ้นเพียงนิด

            นั่นสินะ ไม่เพียงแค่ฮันคยองหรอกที่เปลี่ยน ถ้าว่ากันตามจริง พวกเขาก็เปลี่ยนไปเยอะจากเมื่อสามปีก่อนทุกคน...ตั้งแต่มีคนพิเศษเข้ามาในหัวใจ

            เมื่อสามปีที่แล้ว พวกเขายังมานั่งจิบเหล้า คุยเรื่องการรวบหัวรวบหางเคะแห่งคหกรรมเป็นคนของตัวเองอยู่เลย มาวันนี้สิ พวกเขากำลังมานั่งดื่มเพราะต่างฝ่ายต่างถูกเมียไล่ให้ไปไกลๆ สิ่งที่หากเป็นพวกเขาเมื่อก่อนน่ะมีหรือที่จะยอม แต่วันนี้...กลับยอมทุกอย่าง

            “ถ้าบอกว่าใครปลี่ยนมากที่สุด ผมว่าพี่คิบอมว่ะ” อยู่ๆ เยซองก็เอ่ยโพล่งขึ้นมาพลางหันไปมองคนเย็นชาที่ยังก้มมองโทรศัพท์ในมือทุกครั้งที่มันสั่น จนคิบอมเลิกคิ้วขึ้นขึ้นนิด

            “เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่ไม่มีวันมีสายตาอบอุ่นแบบนี้ จนพวกผมยังเคยพูดเลยว่า อาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นพี่หัวเราะเต็มเสียงหรือยิ้มกว้างๆ เลยก็ได้” คยูฮยอนต่อคำเพื่อนทันที ซึ่งทำให้คนที่ถูกพูดถึงยกมุมปากขึ้นอย่างไม่คิดปฏิเสธ

            แน่ล่ะ เขายิ้มได้ หัวเราะได้ก็เพราะคนน่ารักที่ส่งข้อความมาบอกว่ากำลังคุยกับเพื่อนๆ อยู่ในห้อง

            “เพราะดงแฮ” คำตอบสั้นๆ ง่ายๆ จากปากเจ้าชายน้ำแข็งที่ทุกคนรู้อยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่แก้วในมือจะถูกยกขึ้นแล้วขยับขึ้นดื่ม เป็นสัญญาณให้ทุกคนทำเหมือนกัน

            “ไหนๆ วันนี้ก็ว่าง มาดวลกันหน่อยมั้ย” คังอินที่กระดกไปหมดแก้วแล้วเอ่ยปากขึ้นมา ซึ่งแต่ละคนก็รับคำ ในเมื่อช่วงหลังพวกเขาไม่ได้มีโอกาสมาดื่มกันพร้อมหน้าขนาดนี้ วันนี้ก็ควรเอาให้เต็มที่สินะ

            “เอาไว้ใกล้งานแต่ง พี่คิบอมอย่าลืมปาร์ตี้สละโสะนะเว้ย ผมจะหนีตัวเล็กมากินเหล้าด้วย” เยซองบอกอย่างอารมณ์ดีที่ทำให้เจ้าของงานในอนาคตอันใกล้พยักหน้ารับ

            แต่ก่อนที่หนุ่มๆ กลุ่มนี้จะพูดคุยอะไรกันต่อ พนักงานคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับกระดาษแผ่นเล็ก

            “นายครับ มีคนฝากมาให้” ชายหนุ่มในชุดพนักงานบอกพลางส่งกระดาษในมือที่มีขนาดแค่ฝ่ามือมาให้ฮันคยอง จากนั้นก็โค้งให้เสียต่ำ แล้วค่อยขยับถอยหลังไปเมื่อนายหันมารับกระดาษแผ่นที่ว่าแล้ว

            ท่าทางที่ทำให้ทั้งกลุ่มหันมามองอย่างสนใจ ขณะที่ฮันคยองก็คลี่กระดาษที่พับไว้ออกดู เพียงมองแวบเดียว ริมฝีปากได้รูปก็แสยะยิ้มขึ้นมา ใบหน้าคมคายก็ส่ายไปมาช้าๆ มือใหญ่ขยำกระดาษแล้วโยนไปหารุ่นน้องทั้งสองทันที

            “ไร้สาระ” มาเฟียหนุ่มบอกเรียบๆ ขณะที่เยซองรับกระดาษแผ่นนั้นได้พอดิบพอดี มือใหญ่ก็คลี่มันออกดูอีกครั้ง ก่อนที่จะหัวเราะออกมาเมื่อรู้มามันเป็นอะไร

            เบอร์โทรยาวเหยียดหลายๆ เบอร์และรอยลิปสติกที่ประทับอยู่ตรงส่วนท้ายของแผ่นกระดาษ

            จากนั้น ซาลาเปารูปหล่อก็หันมองไปยังส่วนชั้นล่าง เพียงกวาดสายตามองไม่กี่ที เขาก็สบสายตากับสาวสวยกลุ่มใหญ่ที่เงยหน้าขึ้นมามองพวกเขา ทั้งยังชูแก้วขึ้นอย่างเชิญชวน รูปร่างสวยๆ ในชุดรัดรึงก็ขยับส่ายน้อยไปตามเพลงเหมือนยั่วยวนให้ชายหนุ่มลงไปสนุกด้วยกัน


            “ก็สวยดีนะ” คยูฮยอนที่หันไปมองตามสายตาเพื่อนแล้วพอจะเดาออกว่ากระดาษแผ่นนั้นมีอะไร เสียงทุ้มว่าง่ายๆ ก่อนจะต่อประโยคที่ถ้าสาวๆ กลุ่มนั้นมาได้ยินคงอยากจะดิ้นตาย

            “แต่สู้กระต่ายกูไม่ได้สักคนนิดเดียว” ว่าจบ คยูฮยอนก็กลับไปนั่งตัวตรง พูดคุยกับคังอินและซีวอนไม่คิดจะเหลือบสายตามองไปยังชั้นล่างเลยสักนิด อย่างที่รู้กันดีว่า...จะสวยแค่ไหนก็สู้เมียพวกเขาไม่ได้หรอก

            ขณะที่เยซองเพียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ มือใหญ่ก็ยกแก้วขึ้นทำนองเล่นด้วย จากนั้นชายหนุ่มก็ดึงปากกาที่เหน็บเอาไว้ตรงกระเป๋าเสื้อขึ้นมา พลิกกระดาษไปด้านหลังแล้วลงมือเขียนไม่กี่คำ

            “ส่งให้ผู้หญิงข้างล่างหน่อย” เยซองหันไปหาคนที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ ก่อนจะหันกลับมาสนใจเครื่องดื่มของตัวเองต่อไป ริมฝีปากได้รูปก็ขยับเป็นรอยยิ้มที่ฉายชัดถึงความสนุก แต่ดวงตาก็เหล่มองสาวๆ กลุ่มนั้นที่กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่เมื่อบริกรคนนั้นส่งกระดาษแผ่นเดิมให้

            แต่ก็เพียงพักเดียว

            “กรี๊ดดดดดดดดด”

            เสียงกรีดร้องของคนที่อ่านคนแรกดังขึ้นมาที่ชั้นสองให้เยซองหัวเราะลั่นอย่างชอบใจ ในเมื่อเขาเขียนลงไปว่า...

                        จุ๊ๆๆ ทำตัวแบบนี้แม่ไม่ว่าหรือครับ

            เยซองคิดอย่างขำๆ ในเมื่อแต่ละคนถ้ากะจากสายตาไม่น่าเกินวัยม.ปลาย อย่างนี้จะไม่ให้เขาตอบไปแบบนี้ได้ยังไง อีกทั้งยังไม่รู้น่ะสิว่าสมัยก่อนที่พวกเขายังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน ถ้าถูกใจใคร...จะลงไปหาเอง ไม่ใช่ให้อ่อยถึงที่

            ส่วนตอนนี้น่ะหรือ...มีของดีอยู่ที่บ้านจะมาหาความซวยใส่หัวตัวเองทำไม

            “โอ๊ย วันนี้มันอะไรเนี่ย ทำไมเสียงกรี๊ดมันดังจังเลย” แต่แล้ว เสียงใสของของหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างหงุดหงิดหน่อยๆ ที่ทำให้สายตาหลายคู่หันไปมองตามเสียง แล้วก็พบคนคุ้นหน้าคุ้นตากันดีหลายคนโผล่เข้ามาจนต้องเอ่ยทักทาย

            “ไง ชินดง มาถูกเวลาพอดีเลย สวัสดีครับสาวๆ” ซีวอนเอ่ยทักทายรุ่นน้องร่างใหญ่ที่ก้าวนำเข้ามาพร้อมกับแฟนสาวอย่างซันนี่ ขณะที่ด้านหลังมีแทยอนและยูริที่กำลังเอามืออุดหูกันอยู่ ทั้งยังบ่นมาด้วยตลอดทาง

            แล้วเหมือนว่าทั้งสี่ก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าจะเจอหนุ่มๆ กลุ่มนี้เอาเวลานี้

            “เฮ้ย แปลกใจนะเนี่ย ทำไมวันนี้มานี่ได้” ชินดงถามอย่างนึกไม่ถึง ในเมื่อการเจอคนทั้งกลุ่มในเวลาเดียกันน่ะมันยากแสนยาก ซึ่งเหมือนคำถามนี้จะเรียกอาการเซ็งๆ จากคนฟังได้อย่างดี
           
            “โดนเมียทิ้งว่ะ” คยูฮยอนตอบคำเพื่อนที่นิ่งไปครู่ ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง แต่ทำให้ยูริและแทยอนถึงกับตาหูวาวขึ้นมาทันที

          อ้าว อะไร ทิ้งอะไรกัน กว่าจะทำให้รักกันได้ทุกคู่นี่พวกเธอแทบลากเลือดเลยนะ

            “พี่คิบอม เกิดอะไรขึ้นน่ะ” แทยอนรีบขยับไปหาคนเป็นพี่ชายทันที มือเรียวก็คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนแกร่งแล้วเขย่าเบาๆ อย่างที่หากเป็นเมื่อหลายปีก่อน คุณหนูคนสวยสาบานได้ว่าไม่เค๊ยไม่เคยคิดจะทำมันเลยล่ะ 

          แหม เมื่อก่อนพี่คิบอมดุจะตาย เจอสายตาดุๆ ทีก็หนีแทบไม่ทันนี่นะ

            “ไม่มีอะไร วันนี้พวกดงแฮไปค้างด้วยกันที่บ้านน่ะ”

            “อ้อ ปาร์ตี้ของสาวๆ น่ะหรือ” แล้วก็เป็นยูริที่โพล่งขึ้นมาทันทีพลางพยักหน้าหงึกหงัก ร่างเพรียวก็ขยับไปนั่งข้างบรรดาพี่ๆ ที่เธอสุดแสนจะรักขาดจิตบาดใจเลย (แน่ล่ะ ทุกวันนี้บรรณาการกระเป๋ายังถูกส่งมาเรื่อยๆ นี่นะ)

            “พี่ยูล อะไรคือปาร์ตี้ของสาวๆ” ซันนี่ถามอย่างแปลกใจ ยามที่ถูกดึงไปนั่งข้างชินดง ร่างเล็กก็ขยับเอนซบไหล่แฟนหนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำ ซึ่งคำถามนี้ทำให้คนที่อยู่กับพวกสาวๆ มานานหัวเราะคิก

            “คืองี้นะซันนี่ เมื่อก่อนน่ะพวกพี่ซินจะชอบมีปาร์ตี้กันบ่อยๆ เป็นงานเล็กๆ ที่นึกอยากทำอะไรกินกันก็ไปน่ะ หอพี่ซินนี่เป็นศูนย์กลางเลยนะ รองมาก็เป็นบ้านด๊องพี่ยังไปหิ้วท้องไปกินด้วยบ่อยๆ ฮ้า นึกแล้วก็อยากกินบาบีคิวฝีมือพี่ซินอ่ะ ไม่ได้กินมาตั้งกะปีสองปีสามแล้วนะเนี่ย” ยูริเล่าอย่างแสนเสียดาย ถ้าวันนี้เธอรู้นะ คงแอบไปร่วมด้วยอีกคนแล้วล่ะ แต่ว่ากันอีกที เธอก็ไม่เคยค้างหรอก ไปกินแล้วชิ่งหนีกลับก่อนทุกที

            “แต่มันก็นานแล้วนะ ว่าแต่ ทำไมวันนี้พวกพี่ถึงยอมล่ะ” ยูริถามต่ออย่างนึกขึ้นได้ ก่อนที่ทุกคนจะหันมองหน้ากัน แล้วก็เป็นซีวอนที่ยอมเป็นคนเอ่ยปากเล่าเรื่องตั้งแต่ที่เมียหายไปจนพบว่าเมียหนีไปอยู่บ้านของดงแฮกันหมด

            เรื่องที่ทำเอาสาวๆ หัวเราะคิก

            “อ้อ พวกพี่ก็เลยต้องมาอยู่กันที่นี่แทนหรือคะ น่าสงสารนะเนี่ย” แทยอนว่าอย่างขำๆ ที่ทำเอาคังอินยกมือขึ้นขยี้หัวน้องเพื่อนอย่างเอ็นดู

            “พี่ชินดง ทานนะคะ พี่ยังไม่ได้ทานอะไรเลยนี่นา” แต่ขณะที่ทุกคนกำลังเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ ก็มีหนึ่งคู่ถ้วนที่หวานไม่สนใจใคร เมื่อสาวน้อยซันนี่กำลังป้อนขนมให้กับคนรักอย่างน่ารัก ส่วนชินดงก็อ้าปากรับอย่างรู้งาน มือใหญ่ก็ลูบเส้นผมนุ่มของสาวน้อยอย่างเอ็นดู

            ท่าทางหวานแบบไม่สนว่ามีบรรดาคนไร้คู่ทั้งหลายรวมตัวกันอยู่ทำเอาคยูฮยอนกระแอมอย่างอดไม่ได้
           
            “นิดนึงนะเพื่อน กูหมั่นไส้ว่ะ”

            “พี่คยูอดีตเทพบุตรในใจซันนี่ก็ไปให้พี่มินมินป้อนสิคะ”

            ฉึก

            สิ้นคำของคยูฮยอน ซันนี่ก็โต้กลับทันควันที่ทำเอาหมาป่าเจ้าเล่ห์ชะงักกึก มองสาวน้อยที่ทำตาใสมองเขาอยู่ เมื่อก่อนล่ะหน้าแดงอายม้วนต่อหน้าเขา แต่เมื่อค้นพบแล้วว่ารักใคร สาวน้อยพลังงานล้นเหลือก็ตอกหน้าได้เจ็บสุดๆ

            “อูย ซันนี่ล้อเล่นค่ะ อย่าทำหน้าเหมือนจะฆ่ากันสิ” สาวน้อยรีบร้องบอกทันควัน แล้วซุกหน้าเข้ากับอกแฟนหนุ่มอีกหน่อย เพิ่มระดับความอิจฉาของคนไม่มีเมียให้กอดขึ้นมาอีกหนึ่งเลเวล

            ภาพที่ทำให้เยซองนิ่งไปนิด ก่อนที่ดวงตาคู่คมจะวาววับราวกับคิดอะไรออก มือใหญ่ก็กวักมือเรียกน้องสาวของกลุ่มอย่างแทยอนเบาๆ

            “แทแท มาหาพี่หน่อยสิ มีเรื่องให้ช่วย” หญิงสาไวด้แต่ก้าวเข้าไปหาอย่างว่าง่าย ทั้งที่ดวงตาคู่สวยฉายแววงุนงง จนกระทั่งเข้าไปใกล้รัศมีของคนตัวโต

            หมับ

            “!!!” เยซองคว้าเข้าที่ข้อมือเล็กของน้องสาวแล้วดึงทีเดียว ร่างบอบบางก็ถลาเข้าไปนั่งอยู่บนตักกว้างทันที โดยมีสายตาหลายคู่มองอย่างไม่เชื่อสายตา โดยเฉพาะคนโดนดึง ในเมื่อเธอไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วนี่นะ อยู่ๆ ถูกดึงเข้าไปกอด แถมยังกดหน้าลงบนซอกคอแกร่งอย่างนี้ ใครมันจะไม่ช็อก

            “เยซอง” คิบอมเรียกเสียงหนักที่ทำให้รุ่นน้องยกยิ้มเข้าสู้ แล้วถามขึ้นมาทันที

            “พี่อย่าเพิ่งคิดอะไรมากกว่านั้น ผมมีตัวเล็กอยู่แล้ว ผมแค่จะถามว่า ถ้าใครมาเห็นท่านี้จะเข้าใจผิดหรือเปล่า" เยซองถามง่ายๆ ที่ทำให้หลายคนเริ่มเดาออก ซึ่งคยูฮยอนก็เอ่ยเตือนขึ้นมาก่อน

            “คิดให้ดีนะไอ้เย่ ตัวเล็กของมึงอาจจะบีบคอมึงยัดท่อก็ได้”

            “กูแค่เอาคืนเรื่องวันนี้เอง ขำๆ ว่ะเพื่อน หึๆ เชื่อกูสิ โวยวายไปโวยวายมา พรุ่งนี้ตัวเล็กได้นอนครางใต้ร่างกูแน่” เยซองบอกแผนการชั่วๆ ของตัวเองมาทันที รับรองเลยว่าถ้าเรียวอุคเห็นเขาอยู่กลางผับ มีสาวสวยซุกซอกคอแบบนี้ รับรองเต้นเร่าๆ วิ่งกลับห้องมาแทบไม่ทันเลยล่ะ

            “พี่เย่ พี่จะทำอะไรเนี่ย เดี๋ยวแทคเข้าใจผิด” แทยอนที่ถูกกดให้ใบหน้าอยู่กับคออีกฝ่ายร้องประท้วง ซึ่งหนุ่มหล่อก็ตอบกลับ

            “ถ่ายรูปนิดนึงแทแท เดี๋ยวส่งให้ตัวเล็กดู พี่อยากเห็นพรุ่งนี้ตัวเล็กเต้นน่ะ เอ้า ยูริ มือถือพี่ เอาให้ได้มุม ไม่เห็นหน้าแทยอนนะ” ว่าแล้ว ซาลาเปารูปหล่อก็ส่งมือถือให้น้องสาวอีกคนที่ถึงกับหัวเราะคิกอย่างชอบใจ ถ่ายภาพให้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เยซองจะปล่อยให้แทยอนลุกขึ้น

            “ระวังเถอะว่ะไอ้เย่ ชีวิตมึงจะไม่มีเหลือกลับมาแดกเหล้ากับพวกกู” คังอินว่าหน่ายๆ กับไอ้รุ่นน้องที่เล่นไม่เลือกสถานการณ์ แต่ทำให้คนฟังเพียงหัวเราะขำ มองภาพตัวเองที่กำลังกอดสาวสวยในโทรศัพท์อย่างถูกใจ จากนั้นก็ยักไหล่เพียงนิด

            “ผมถึงให้แทยอนช่วยไงพี่ ถ้าตัวเล็กเอาถึงตายขึ้นมาจะได้บอกว่านี่มันแทยอน แถมมีพยานอีกเพียบ” ท่าทางชอบใจของเยซองที่ทุกคนได้แต่ปล่อยเลยตามเลย มองคนที่กำลังกดส่งภาพถ่ายเข้าโทรศัพท์ของคนรักตัวเล็ก รู้อยู่แล้วล่ะว่ายังไงตอนนี้ก็คงไม่เห็น ในเมื่อโทรศัพท์ถูกยึดไปแล้ว

            แต่รับรองเลยว่าเขามั่นใจเกินร้อย...พรุ่งนี้ ตัวเล็กกลับบ้านก่อนคนอื่นชัวร์ หึๆ

            การเล่นสนุกของคู่รักโรคจิตประจำกลุ่มทำให้คนอื่นเพียงส่ายหน้าหน่ายๆ โดยเฉพาะคยูฮยอนที่ไม่คิดเล่นเรื่องหึงอีกแน่ เจอกระต่ายตลบหลังมาทีนึง ทำเอาขยาดเรื่องนี้ไปเลย

            ภาพความสนุกสนานและเสียงหัวเราะกับคนทั้งกลุ่มที่กำลังดื่มกินอย่างที่ไม่ได้ทำมานาน ทำให้ชายหนุ่มสองคนที่มองเงียบๆ เพียงยกมุมปากขึ้น

            ฟึ่บ

            “ถ้ามึงอยากโทรหาฮยอกแจ” ฮันคยองเพียงเลิกคิ้วขึ้น เมื่อเพื่อนส่งโทรศัพท์มาพร้อมกับหน้าจอที่มีเบอร์หนึ่งปรากฏอยู่ ซึ่งทำให้มาเฟียหนุ่มมองเพียงครู่ แล้วก็ตัดสินใจส่ายหน้าช้าๆ จากนั้นรอยยิ้มที่ฮยอกแจกลัวแสนกลัวก็ปรากฏบนใบหน้า

            “ฮึ ไม่ล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยจับมารับโทษทีเดียว” คำตอบที่คิบอมก็คิดเหมือนกัน

            “นั่นสินะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”

            นั่นสินะ วันนี้ปล่อยไปก่อน แต่ถ้าพรุ่งนี้ ก็ถึงตาของพวกเขาเอาคืนบ้างล่ะ และท่าทางว่าแต่ละคน...จะเล่นให้หมดแรงเลยเชียวล่ะ โทษฐาน...ปล่อยให้นอนกอดหมอนข้างคนเดียว


...................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น